“ปคบ.จับ” “หมอดั้ม” อดีตบุรุษพยาบาล สวมรอยหมอคลินิกเสริมความงาม ฉีดฟิลเลอร์,โบท็อกซ์ พลาดจนเหยื่อตาบอด และจมูกเน่า”

วันที่ 28 ก.พ.ที่บก.ปคบ.พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ.สั่งพ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.4ปคบ. พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.4บก.ปคบ.นำกำลังเข้าจับกุม

นายธนพิพัฒน์ หรือ “หมอดั้ม” (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2530/2558 ลงวันที่ 17 ธ.ค.58 ข้อหา “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต”ได้ที่หน้าบ้านไม่มีเลขที่ ซอยหนองใหญ่ 14 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการจับกุมทราบว่าเมื่อ2557 นายธนพิพัฒน์ ผู้ต้องหา ทำงานอยู่ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านดินแดง กทม. โดยแอบอ้างเป็นแพทย์ใช้ชื่อว่า “หมอดั้ม” ทำหน้าที่รักษาและฉีดฟิลเลอร์, โบท็อกซ์ ให้กับลูกค้าทั่วไป ก่อนเกิดเหตุมีผู้เสียหาย 2 ราย ไปเสริมความงามที่คลินิกดังกล่าว รายแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2557 นายธนพิพัฒน์ ได้ฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณร่องแก้ม และฉีดโบท๊อกซ์ที่บริเวณหน้าผากและกรามให้ผู้เสียหาย หลังจากฉีดเสร็จ ผู้เสียหายรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วใบหน้า พอในวันต่อมา ที่บริเวณจมูกมีอาการอักเสบจนถึงกับมีหนองไหลออกมา

ส่วนรายที่ 2 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 ผู้ต้องหาได้ฉีดโบท๊อกซ์ให้ผู้เสียหายที่บริเวณแก้ม 1 ยูนิต และฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกอีก 2 ซีซี หลังฉีดแล้วไม่นาย ผู้เสียหายก็รู้สึกปวดที่สันจมูกระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ที่ดวงตาขวานั้นมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา และรู้สึกว่าเริ่มมองไม่เห็น มีอาการแน่นหน้าอกและช่องท้องจนถึงกับอาเจียน ญาติที่มาด้วยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ปรากฏว่า

ต่อมาดวงตาข้างขวาก็ได้บอดสนิทไปแล้ว ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับพงส.บก.ปคบ. ต่อมาทางตำรวจจึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยงข้องนำหมายค้นศาลแขวงพระนครเหนือ เข้าตรวจค้นที่คลินิกดังกล่าว พบถูกปิดล็อคกุญแจ และตรวจสอบไม่พบใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ส่วนนายธนพิพัฒน์ ก็ไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา จึงมีการขอหมายจับต่อศาลก่อนจะตามจับกุมได้ดังกล่าว

จากการสอบสวน นายธนพิพัฒน์ ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนนั้นไม่ใช่หมอ แต่ก็เคยเป็นบุรุษพยาบาลมาก่อน ส่วนกรณีของผู้เสียหายทั้งสองราย ตนก็ยอมรับว่าเป็นคนทำจริงๆ แต่ที่มันเกิดปัญหาก็น่าจะมาจากร่างกายของแต่ละคนยอมรับสารที่ฉีดเข้าไปได้ไม่เหมือนกัน ก็เลยมีผลกระทบตามมาดังกล่าวหลังการสอบสวนจึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ของบก.ปคบ.ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน