ธอส. เตรียมปล่อยกู้บ้านผ่อน 70 ปี ดีเดย์ พ.ย. นี้ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท-ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมีที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น

ธอส.ปล่อยกู้บ้านผ่อน70ปี – นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า เตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคาร ในวันที่ 22 ต.ค. นี้ เพื่อพิจารณาการออกสินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 generation หรือยาวนานสูงสุดถึง 70 ปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ภายในเดือน พ.ย. 2563

ทั้งนี้ ธอส. ต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนอกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ เพราะว่าเป็นการกู้ร่วม ซึ่งบุคคลที่กู้ร่วมยังไม่มีรายได้ โดยเบื้องต้นจะให้บิดาหรือมารดาเป็นผู้กู้หลัก และมีทายาท อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป หรือศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นผู้กู้ร่วม

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าสินเชื่อตัวนี้ไม่ได้เป็นการสร้างภาระให้ผู้กู้เป็นหนี้แบบนิรันดร แต่เป็นการช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมีที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น มีทรัพย์สินเป็นของครอบครัว และจะมีการให้ทางเลือกลูกค้าสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ดอกเบี้ยท่วมเงินต้น

เบื้องต้นจะปล่อยกู้ต่อราย 1.5-1.8 ล้านบาท โดยการประเมินจะมีภาระการผ่อนชำระเดือนละ 2,000 บาทเท่านั้น ซึ่งลดลงจากปัจจุบันกู้ใหม่เท่านั้นไม่ใช่การปรับโครงสร้างหนี้ (รีไฟแนนซ์) ซึ่งเหมาะกับคนหาเช้ากินค่ำแต่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง

โดย ธอส. ได้เตรียมออกสลากออมทรัพย์ชุดใหม่ ชื่อชุด “สลากเกร็ดดาว” หน่วยละ 5,000 บาท วงเงิน 20,000 ล้านบาท อายุ 2-3 ปี เพื่อมารองรับการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายได้ภายในสิ้นปี 2563 ส่วนผลตอบแทนต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถนำเงินไปปล่อยกู้สินเชื่อ Two-GEN ได้ในระดับที่ไม่สูงเกินไป

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 2.15 แสนล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้เดือนละ 20,000 ล้านบาท

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการบรรเทาผลกระทบลูกค้าจากปัญหาโควิด-19 จาก 10 มาตรการ มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการแล้ว 5.11 แสนบัญชี วงเงินสินเชื่อ 4.3 แสนล้านบาท เป็นลูกค้าที่เข้ามาตรการที่ 5 พักดอกเบี้ยและเงินต้น 4 เดือน จำนวน 2.36 แสนบัญชี วงเงินสินเชื่อ 1.79 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มลูกค้าพักหนี้ดังกล่าว เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 4,000 ล้านบาท จากกลุ่มที่ชำระหนี้ไม่เต็มงวด โดยหลังจากนี้ธนาคารจะเข้าไปดูประวัติ และปรับสัญญาเงินกู้ให้ เพราะยังถือว่าเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ

ส่วนอีก 5,000 ล้านบาท เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ผิดชำระหนี้ โดยได้มอบหมายให้สาขาเร่งเข้าไปติดตามลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป เพราะลูกค้าอาจจะเคยชินกับมาตรการพักหนี้ จึงยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ปกติได้

ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญแล้ว จำนวน 3,500 ล้านบาท และคาดว่าสินปีนี้จะสามารถตั้งสำรองหนี้ได้ 5,300 ล้านบาท ส่วนกำไรในปีนี้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจเพราะมีสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมาก

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา เห็นชอบขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือลูกค้าทีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 2 รวม 3 มาตรการ จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ก็จะไปสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 2564

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน