ขนส่ง จับมือ ขสมก-บขส. นำรถวิ่งเสริม เส้นรถตู้หยุดวิ่ง ตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้

ขนส่ง – เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ก.ย. นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดี กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แถลงข่าวร่วมกับ พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บัญชาการ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถึงการแก้ไขปัญหา กรณีชมรมรถตู้โดยสารปรับอากาศร่วมบริการสาธารณะ จะหยุดวิ่งให้บริการรถตู้หมวด1 เส้นทาง กรุงเทพ-ปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 1ต.ค.นี้ เนื่องจากรถมีอายุการใช้งานครบ 10 ปี ตามระเบียบกรม

นายเชิดชัย กล่าวว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อรองรับกรณีรถตู้หมวด1 หยุดวิ่ง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา41 ของพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ประสานให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง นำรถที่ได้รับอนุญาตไปวิ่งให้บริการเสริม เป็นการชั่วคราวในเส้นทางที่ผู้โดยสารเดือดร้อนไม่มีรถวิ่งให้บริการ เบื้องต้นจะขอให้ ขสมก. นำรถปรับอากาศมาวิ่ง

หากไม่มีจะประสานผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทาง รถหมวด 30 มาวิ่งให้บริการเก็บค่าโดยสารตามอัตราที่เหมาะสม แต่อาจจะมีข้อจำกัดเพราะเป็นรถขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าซอยได้เหมือนรถตู้ และได้ขอให้ ขสมก.ช่วยติดตามสถานการณ์และผลกระทบกับผู้โดยสารว่าเป็นเส้นทางไหน เพื่อจะนำรถไปวิ่งบริการเสริมให้ถูกจุด

นายเชิดชัย กล่าวต่อว่า จะเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน ขณะนี้ปัญหาได้ลุกลามมากขึ้น โดยผู้ประกอบการรถตู้หมวดที่ 2 เส้นทาง กทม.-ตจว. ออกมาขู่ว่าจะหยุดวิ่ง เพราะไม่พอใจที่กรมยังคงยืนมาตรการเดิมกำหนดให้รถตู้ที่ครบอายุ 10 ปี ต้องเปลี่ยนเป็นรถไมโครบัสเท่านั้น รวมทั้งมีบางส่วนกำลังทยอยหมดอายุเหมือนกับหมวด1 โดยในส่วนของหมวด2 คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนัก เนื่องจากปัจจุบันมีรถโดยสารสาธารณะให้บริการหลายราย ทั้งรถโดยสารเอกชนและรถโดยสารของ บขส. เบื้องต้นได้ประสานรถของ บขส. ไว้แล้วหากประชาชนเดือดร้อนก็พร้อมที่จะนำรถเข้าไปวิ่งเสริมได้ทันที

แก้ปัญหารถตู้หยุดวิ่ง

แก้ปัญหารถตู้หยุดวิ่ง

จากการตรวจสอบพบว่า ในปี 2561 จะมีรถตู้โดยสารหมดอายุรวมทั้งหมด 1,333 คัน ไม่ถึง 1,800 คัน แบ่งเป็นรถตู้หมวด 1 ให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะหมดอายุรวมทั้งสิ้น 954 คัน และรถตู้โดยสารหมวด 2 ที่ให้บริการระหว่างกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด จะหมดอายุ 379 คัน

สำหรับปี 2562 หมดอายุ 892 คัน ปี 2563 หมดอายุ 1,441 คัน ปี 2564 หมดอายุ 385 คัน ปี 2565 หมดอายุ 115 คัน ปี 2566 หมดอายุ 62 คัน ปี 2567 หมดอายุ 43 คัน ปี 2568 หมดอายุ 51 คัน ปี 2569 หมดอายุ 48 คัน ปี 2570 หมดอายุ 18 คัน และปี 2571 หมดอายุ 12 คัน ซึ่งรถตู้จะทยอยหมดอายุไปแต่ละปีจนถึงปี 2571 รวมทั้งสิ้น 4,183 คัน

สำหรับเส้นทางที่รถตู้ให้บริการหมดอายุและจะหยุดวิ่งอาจจะส่งผลกระทบกับผู้โดยสารบ้าง เนื่องจากเป็นจุดที่ขนส่งคนจากในเมืองไปยังชานเมือง คือ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ จะมีรถจำนวน 11 เส้นทาง รถตู้กว่า 260 คัน, บริเวณมีนบุรีจะมีรถ 7เส้นทาง หมดอายุ 191 คัน และบริเวณรังสิต 1 เส้นทางมีรถหมดอายุ 28 คัน

“หากภายในปี 2561 นี้ ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารที่จะหมดอายุ รีบทำเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนรถตู้เป็นรถตู้ใหม่ ก็จะสามารถให้บริการต่อไปได้อีก 10 ปี ทันที แต่หากปี 2562 เป็นต้นไปผู้ประกอบการต้องการเปลี่ยนรถ จะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นรถตู้ได้จะต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสเท่านั้น ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการมีความกังวล ถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการปรับเปลี่ยนรถ ทางขนส่งทางบกได้ประสานงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย และบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ นายเชิดชัยกล่าว

นายเชิดชัย กล่าวต่อว่า ส่วนทางผู้ประกอบการรถตู้โดยสารกังวลว่า หากรัฐบาลมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายแล้วเสร็จ จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการให้บริการรถตู้จากชานเมืองเข้ากรุงเทพนั้น ขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบกได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อมาดูเรื่องเส้นทางรถเมล์ รองรับภายหลังการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จตั้งแต่ 2-3 ปีที่จะถึงนี้ และในอนาคตที่จะสร้างเสร็จ ซึ่งการศึกษาจะดูเส้นทางรถเมล์ให้สอดคล้อง ปริมาณประชาชนที่ใช้บริการจริง ขณะเดียวกันจะดูเส้นทางรถตู้ให้มีความสอดคล้องในสถานการณ์จริงในตอนนั้นด้วย

นายเขิดชัย กล่าวต่อว่า ถึงข้อกำหนดให้เปลี่ยนรถตู้เป็นรถไมโครบัสว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบเพราะจากผลการศึกษาเรื่องความปลอดภัยพบว่าอุบัคิเหตุที่เกิดจากรถตู้ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่ารถบัส 5 เท่าชัดเจน โดยกรมจะไม่ยอมให้ผู้โดยสารเอาชีวิตมาเสี่ยง
รายงานข่าวจากชมรมรถตู้โดยสารปรับอากาศร่วมบริการสาธารณะ แจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มรถตู้หมวด2 ได้ออกมาแสดงควาไม่พอใจกรณีที่กรมการขนส่งไม่ช่วยเหลือรถหมวด1 เรื่องการเปลี่ยนรถและการขอยืดอายุ จึงได้มีการพูดคุยกันภายในกลุ่มว่าจะหยุดวิ่งให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป รวมประมาณ 1,000 คัน

ด้านพันเอกสมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ. ) ในฐานะคณะทำงานจัดระเบียบรถตู้โดยสาร กล่าวยืนยันว่า ทางคณะทำงานฯ ไม่มีนโยบายจะผ่อนผันขยายอายุรถตู้ไปอีก 5 ปี เนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่มาใช้บริการ เนื่องจากรถที่มีอายุเกิน 10 ปี จะมีสภาพทางกายภาพไม่เหมาะและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงกรมการประกันภัยจะไม่รับประกันรถที่มีอายุเกิน 10 ปี ดังนั้นหากมาให้บริการหากเกิดอุบัติเหตุจะไม่สามารถคุ้มครองผู้โดยสารได้ นอกจากนั้นรถที่อายุเกิน 10 ปีจะมีมลภาวะเป็นพิษบนท้องถนนหากนำมาวิ่งบนถนน

ส่วนมาตรการรองรับหากผู้ประกอบการรถตู้โดยสารหยุดให้บริการจริงทางคณะทำงานได้มีการประสานงานกับ ขสมก. ที่นำรถมาให้บริการแทนทันที ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมสำรองรถไว้แล้ว โดยคาดว่าอนุสาวรีย์ชัยฯ และมีนบุรีผู้โดยสารอาจจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากรถที่จะหยุดวิ่งเนื่องจากหมดอายุรวมกันประมาณกว่า 400 คัน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน