นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ในโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะเอเชีย เช่นจีน ขณะนี้มีกว่า 50,000 โรง โดยที่รายได้จากการขายตั๋วหนังของจีนยังเติบโตได้ 20-30% ส่วนอเมริกา ขยายตัว 10% ในขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ก็ยังเติบโต โดยรายใหญ่ของโลกเกือบทุกค่ายมุ่งเน้นผลิตหนังคุณภาพฟอร์มใหญ่มากขึ้น ส่วนจีน ผลิตหนังแต่ละปี 600 เรื่อง เกาหลีปีละ 200 เรื่อง ขณะที่ไทยยังผลิตหนังออกมาน้อยปีละ 40 เรื่อง

วิชา พูลวรลักษณ์

ดังนั้นความท้าทายของธุรกิจโรงภาพยนตร์ของไทย ซึ่งหากจะเติบโตได้ดี ต้องพึ่งพิง 2 ปัจจัยสำคัญ คือ จำนวนโรงหนังต้องมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้คนทำหนังไทย กล้าที่จะลงทุนสร้างหนังป้อนสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้แผนธุรกิจของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ภายในปี 2020 หรือ 2563 จะขยายโรงหนังเพิ่มขึ้นให้ครบ 1,000 โรง จากในปัจจุบันมี 800 โรง ซึ่งเกิน 50% อยู่ในต่างจังหวัด ขณะที่ในต่างประเทศมีที่กัมพูชา และลาว รวม 7 สาขา 37 โรง

โดยแผนลงทุนปี 2562 บริษัทจะขยายโรงหนังเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 60-70 โรง งบลงทุน 700-800 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การลงทุนโรงหนังแต่ละแห่งมีจำนวนโรงน้อยลง และจะลงลึกในระดับอำเภอ หรือในพื้นที่เทียร์ 2 ตามห้างค้าปลีกทั้งเทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี มากขึ้น โดยโมเดลการเปิดในแต่ละสาขา จะมี 1-2 โรง พร้อมกันนี้จะมีหนังไทยที่เป็นของเอ็ม พิคเจอร์ส ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เข้าฉายรวม 23 เรื่อง โดยเกือบทั้งหมดจะเป็นหนังเทียร์ 2 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ดีในตลาดโรงหนังต่างจังหวัด โดยดูได้จากที่ผ่านมาเรื่องนาคี 2 สร้างยอดขายในต่างจังหวัดได้ถึง 70% รวมถึงเรื่องไบค์แมน ด้วยเช่นกัน พร้อมกับตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากการขายตั๋วหนังไทยจาก 25-30% ในปีนี้ เป็น 35-40% ในปีหน้า และภายในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 50%

สำหรับแนวโน้มรายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าแตะ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโต 5-10% จากปีที่แล้ว โดยเป็นรายได้จากการขายตั๋วหนัง 5,000 ล้านบาท เทียบกับทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม 1,900 ล้านบาท รายได้จากสื่อโฆษณา 1,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากต่างประเทศ ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าน่าจะเติบโต 5-10% จากปีก่อนเช่นกัน

อย่างไรก็ดีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปี 2562 จะมีจำนวนเรื่องรวมประมาณ 320 เรื่อง เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศ 270 เรื่อง คาดว่าเป็นภาพยนตร์ที่จะทำเงิน อาทิ อเวนเจอร์ส 4,กัปตัน มาร์เวล,สไปรเดอร์แมนและอลาดีน เป็นต้น และเป็นภาพยนตร์ไทย 50 เรื่อง ซึ่งใน 50 เรื่องนั้นเป็นภาพยนตร์ไทยของค่าย 23 เรื่อง

ขณะที่ปี 2561 มีภาพยนตร์เข้าฉายรวม 312 เรื่อง แบ่งเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศ 270 เรื่อง และภาพยนตร์ไทย 43 เรื่อง สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีภาพยนตร์ต่างประเทศที่คาดว่าจะทำเงิน อาทิ Venom, Fantastic Beast 2, Wreck-it Ralph 2, Aquaman, Bumblebee ส่วนภาพยนตร์ไทยที่ทำเงิน อาทิ นาคี 2 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเก็บรายได้รวมไปแล้ว 450 ล้านบาท, โฮมสเตย์, Gravity Of Love, หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ, ขุนบันลือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน