ตาม‘ตลท.’สำรวจพื้นที่‘อีอีซี’
อภิมหาโครงการเชื่อมตลาดทุน
ตาม‘ตลท.’สำรวจพื้นที่‘อีอีซี’ – โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ที่เป็นภาคต่อจากความสำเร็จของแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) ซึ่งจะเป็นอีเวนต์ใหญ่ของการลงทุนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจไทยในอีกไม่เกิน 5 ปีจากนี้ ทั้งหมดจะเข้ามาเชื่อมโยงกับตลาดทุนนับตั้งแต่วันแรกที่มีการลงทุนเกิดขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงนำคณะสื่อมวลชนสายตลาดทุน ลงพื้นที่อีอีซีเพื่อรับฟังข้อมูลจากเจ้าของโครงการ โดยตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดธีมในการดูงานในครั้งนี้ภายใต้ Balance of growth : Eastern Model
มี นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมคณะให้ข้อมูลตลอดการดูงาน
ไม่เพียงดูความก้าวหน้าเชิงเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แต่ยังดูงานด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาในภาคประชาสังคม และการท่องเที่ยวบริเวณพื้นโดยรอบอีอีซีอีกด้วย
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ อดีตลูกหม้อ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมายาวนาน รายได้เฉลี่ยต่อคน 6,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 200,000 บาท/คน/ปี
ถ้ารัฐบาลไม่คิดทำนโยบายส่งเสริมการลงทุนใดๆ คาดว่าจะใช้เวลาอีกกว่า 20 ปี ที่จะขยับขึ้นไปเป็นประเทศที่มีรายได้สูง หรือประเทศร่ำรวย
ประเทศมาเลเซียกำลังจะไปสู่จุดนั้น คาดว่าภายในปี 2563 นี้ ด้วยระดับรายได้เฉลี่ย 20,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 700,000 บาท/คน/ปี ฉะนั้นมีหลากหลายมาตรการที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้มากขึ้น
จึงเป็นที่มาของการพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Thailand 4.0 อัพเกรดอุตสาหกรรมไทย ภายใต้ 5 อุตสาหกรรมต่อยอด หรืออุตสาหกรรมใหม่ อาทิ ยานยนต์ ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะส่งออกทั่วโลก และรถยนต์อีโคคาร์
ดังนั้น 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ยังมีโอกาสขยายตัวสูง ทั้งยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์การบินและ โลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รวมไปถึงดิจิตอล และการแพทย์ครบวงจร
บวกกับอีก 2 อุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของไทยคือท่องเที่ยว ซึ่งปี 2561 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทย 38 ล้านคน สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากปารีส
ทำให้ปัจจุบันบริษัทท่าอากาศยานไทย มีมูลค่าหุ้นตามราคาตลาดสูงอันดับ 1 ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในปัจจุบันเริ่มมีปัญหาคอขวดด้านการบิน
ด้าน นายอภิชาติ ทองอยู่ ที่ปรึกษาเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 3 อย่าง คือ การเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ (Geo politics) บทบาทการเป็นอำนาจเดียวของประเทศสหรัฐอเมริกาจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็นดุลอำนาจใหม่ระหว่างปักกิ่ง มอสโกและวอชิงตัน
การเปลี่ยนแปลงที่ 2 คือ Geo economic ทิศทางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมาสู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
อย่างที่ 3 เส้นทางการค้าโลกเปลี่ยนโดยเกิด one belt one road ถนนและทางรถไฟจากจีนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก และเส้นทางทางทะเลจากจีนมุ่งหน้าลงใต้แล้วเข้าสู่ทิศตะวันตก เพื่อเชื่อมเส้นทางการค้าใน 3 ทวีป
ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างประเทศอย่างรวดเร็วใน 2 เรื่องคือสร้างนโยบายประเทศไทย 4.0 และเรื่องการสร้างพื้นที่ใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่
ดึงองค์ความรู้ใหม่และขับเคลื่อนให้เป็นพื้นที่การลงทุนในระดับโลก เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ในช่วงที่ประเทศไทยสูญเสียไปในระยะหนึ่ง
ทำให้เกิดโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC บน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา
ทั้ง 3 พื้นที่จะเชื่อมโยงสู่กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) และเส้นทาง one belt one road
อย่างที่เกริ่นไว้ การดูงานครั้งนี้ยังได้เยี่ยมชมวิถีเมืองรอง อย่างจังหวัดจันทบุรี ตามนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
จันทบุรี เป็นหนึ่งเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเนื่องจากมีความหลากหลายทั้งด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นอาชีพพื้นฐานของคนในจังหวัดนี้
ในเวลาเดียวกันมีพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อย่างศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี เป็นโครงการป่าชายเลนที่เกิดจากพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้อนุรักษ์ป่าชายเลน แบบยั่งยืน
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ตัวอย่างที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงรัชกาลที่ 9
มี นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเมื่อ 30 ปีก่อนมาทำพื้นที่ร้างกว่า 40 ไร่ ที่บ้านมาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้รวบรวมกลุ่มคนในหลายอาชีพ ที่มีแนวคิดในการที่จะฟื้นฟูประเทศโดยการนำแนวคิดเรื่องทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้กับการทำการเกษตรและการดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่นายภากรกล่าวสรุปว่า ในการดูงานครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นงานที่ตลาดหลักทรัพย์ พยายามที่จะทำโดยไม่ได้ดูแลในเรื่องเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แต่เอาเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่ประเทศจะเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เสมือนเป็นการประกาศจุดยืนด้านการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยจะมีความยั่งยืนและมั่นคงไม่ได้เลย หากไม่มีการกำกับและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจขยายการเติบโตไปเพียงมิติเดียว แต่ต้องพัฒนาคู่ขนานไปกับการใส่ใจ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ด้วย
ดังนั้น ESG มีความสำคัญ เพราะถ้าตลาดทุนขยายในแง่ของการขยายการลงทุนด้านเดียว ไม่มีทางที่จะต่อเนื่องได้
ดังนั้นโจทย์ของประเทศไทยในวันนี้ ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข (well being) และเศรษฐกิจ 4.0
ทั้งหมดจะต้องต่อเชื่อมให้ได้