นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การประกาศเลขส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในเดือน ส.ค.ที่ขยายตัว 6.5% ถือเป็นข่าวดี แต่การติดตามตัวเลขส่งออกจะต้องดูอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถนำตัวเลขเพียงเดือนเดียวมาพิจารณาการปรับประมาณการส่งออกทั้งปี ที่ธปท.คาดว่าจะขยาย -2.5% เป็นบวกได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่การส่งออกขยายตัวได้ต่ำ ธปท.ก็ไม่ได้ปรับประมาณการส่งออกลดลง

“ภาพรวมส่งออกมองไปข้างหน้า ตลาดต่างประเทศยังทรงตัว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง ไม่กระจายตัว สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกในบางตลาดเติบโต บางตลาดยังทรงตัวอยู่ ธปท.เองก็มีการทบทวน 3 เดือนครั้ง ส่วนกรณีที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ประกาศการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัวเป็นบวกจากเดิม 3% เป็น 3.2% ก็สอดคล้องกับที่ธปท.ปรับประมาณการเพิ่มไปก่อนหน้านี้”นายวิรไท กล่าว

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะในช่วงที่ทั่วโลกเศรษฐกิจผันผวน ปัญหามีความซับซ้อนมากขึ้น การพัฒนาต้องมองในระยะยาว หลายด้านทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม มากกว่าการทำนโยบายในระยะสั้น ที่กระตุ้นการบริโภคตามกระแส หรือมุ่งหวังให้จีดีพีขยายตัว แต่ต้องวางรากฐานให้เข้มแข็ง และเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ที่จะส่งผลต่อภาระงบประมาณภาครัฐและโครงสร้างแรงงานในอนาคต รวมทั้งควรสนับสนุนให้เกิดการออม และลดกฎเกณฑ์การทำธุรกิจ เป็นต้น

ทั้งนี้การทำนโยบายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภค จะต้องดูความต่อเนื่องของรายได้ประชาชน รวมทั้งทำให้ภาคธุรกิจเกิดการจ้างงาน กฎกติกาที่ไม่เอื้อก็ต้องปรับปรุง ส่วนกรณีที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นนั้น จะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาอย่างแน่นอน ส่วนจะทำให้เกิดการบริโภคตามมาด้วยหรือไม่ จะต้องติดตามในระยะยาว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน