นายเดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรี ประเทศอังกฤษ เปิดเผยในการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ว่า ท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนโลกได้ สามารถเปลี่ยนประเทศยากจนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เปลี่ยนประเทศที่มีปัญหา ให้ไม่มีปัญหา ยอมรับว่าเสียดาย ที่อังกฤษไม่ใช้ประโยชน์จาการท่องเที่ยวเท่าที่ควร บ่อยครั้งส่วนดีๆ ของแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวยังเข้าไม่ถึง อาทิ โรงละคร ในแต่ละท้องถิ่น ต้องเข้าใจว่าสถานที่ท่องเที่ยวมีไม่จำกัด นักท่องเที่ยวก็เช่นกันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลกาภิวัตน์ การก่อการร้าย การพยายามห้ามกลุ่มประเทศมุสลิมเข้าอเมริกา การขอออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ฯลฯ จนขณะนี้มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่า โลกของเราจะมีการปกป้องตัวเองมากขึ้นหรือไม่ โลกจะมีการแบ่งแยกมากขึ้นหรือไม่ หรือโลกเราจะถอยหลังหรือไม่ ทั้งหมดคือเป้าหมายของผู้ก่อการร้าย ที่ต้องการให้ทั่วโลกแตกแยก
“เมื่อสมัยรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ได้เร่งสร้างแบรนดิ้ง เพื่อนำของดีในประเทศออกสู่สายตานักท่องเที่ยวทำให้อังกฤษประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2010 หลังจากเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยว ก็ถือว่านำเม็ดเงินเข้าประเทศจำนวนมาก แสดงให้เห็นชัดว่า การท่องเที่ยวสามารถสร้างโลกได้ ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ทรงพลัง ต้องประสานพลังกับการเมืองและธุรกิจให้ได้ เพื่อนับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงของโลก”
นายคาเมรอน กล่าวว่ ปัจจัยที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนมี 3 ปัจจัย ดังนั้น 1.โลกาภิวัฒน์ ที่ผ่านมาโลกโลกาภิวัตน์ประสบความล้มเหลว อิสระทางการค้าการลงทุน เป็นประโยชน์ กับบางคนแต่ก็ทิ้งบางคนไว้ข้างหลัง ทำให้มีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่โลกเสรี ที่จะทำให้บริษัทขนาดใหญ่ ร่ำรวย แต่ไม่เสียภาษี เป็นความเหลื่อมล้ำที่ไม่ควรเกิด แม้ในโลกจะสนับสนุนโลกเสรีก็ตาม แม้ผลของโลกเสรีจะมีความเหลื่อมล้ำ แต่ส่วนตัว ยังต้องการให้โลกเดินหน้าเปิดสู่โลกเสรี
2.ทุกคนในโลกต้องสามารถไปในทุกที่อย่างเสรี การสร้างกำแพงกั้นไม่ได้ผลแน่นอน ดังนั้นเพื่อสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวไปทั่วโลก รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการทำวีซ่าที่ถูกลง และง่ายขึ้นเพื่อสนับสนุนภาคท่องเที่ยว เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทาย ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องรวมพลัง เพื่อล็อบบี้รัฐบาลให้เปิดเสรีเรื่องการท่องเที่ยว แต่โลกเสรีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวจำเป็นต้องเคารพสิทธิของคนอื่น ที่เรียกว่าประชาธิปไตย หากประเทศที่ต้องใช้ข้ออ้างปิดประเทศ จะเกิดผลเสียต่อประเทศ ต่อธุรกิจ เพราะส่วนตัวไม่เชื่อระบบคอร์รัปชั่น ไม่เคารพกฏหมาย ดังนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องโปร่งใส ต้องเปิดกว้างและยุติธรรม
และ 3.ภาครัฐและเอกชนต้องมีแผนรับมือเหตุการณ์ก่อการร้าย ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกทั้ง อังกฤษ อเมริกา ไม่เว้นแม้กระทั่งเอเชีย การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยว ไม่ใช่เพียงผลกระทบทางอ้อม เพราะการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทุกมุมโลกเป็นความต้องใจของกลุ่มก่อการร้ายที่จะทำลายความเชื่อมั่น ทั้งต่อการลงทุน และการท่องเที่ยว การก่อการร้ายฆ่าคร่าชีวิตคนมากมาย ทั้งมิตรและศัตรู ต้องการทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรง ดังนั้นจำเป็นที่ทุกประเทศต้องตั้งรับกับเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในประเทศอังกฤษ มีการตั้งคณะทำงานเพื่อรับผลผลกระทบที่จะเกิดกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหากเกิดก่อการร้าย ซึ่งคณะทำงานนี้จะประกอบด้วย ภาครัฐเอกชน ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อสร้างความมั่นใจและตั้งรับให้ได้ สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว
