รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2563 คณะผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการกรมการข้าว ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการข้าว และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้พิจารณาทบทวนการดำเนินโครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี 2563/64 หรือ โครงการแจกเมล็ดข้าวคุณภาพดี นำไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย สำหรับนำไปใช้เพาะปลูกในฤดูนาปี 2563/64 ประกอบด้วยเมล็ดข้าวจำนวน 14,300,000 กิโลกรัม (ก.ก.) วงเงิน 400.4 ล้านบาท

ทั้งนี้ ข้าวตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ดำเนินตามโครงการฯ นี้ ต้องมีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่กรมการข้าวกำหนด และเป็นไปตาพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คณะผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และข้าราชการผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีและมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยให้สามารถผลิตข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อช่วยรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวของประเทศในภาพรวมได้ แต่เนื่องจากกรอบเวลาในการจัดซื้อพัสดุของโครงการฯ ซึ่งได้แก่มล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 13,000,000 ก.ก. และมล็ดพันธุ์ข้าว กข6 จำนวน 13,000,000 ก.ก. เพื่อนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือเกษตรกร ตามโครงการอาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากโดยปกติในช่วงต้นเดือนก.ค. เป็นช่วงที่เกษตรกรในพื้นที่ เป้าหมายอาจเริ่มดำนินการเพาะปลูกข้าว 2 พันธุ์ดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่แล้ว

ประกอบกับการดำเนินการจัดซื้อพัสดุของโครงการดังกล่าว กรมการข้าวยังอยู่ระหว่างดำนินการยังไม่ทำสัญญาซื้อขาย จึงเห็นว่าการใช้งบประมาณเพื่อการดำเนินการโครงการดังกล่าวอาจไม่ก่อให้เกิดประโยขน์สูงสุด และมีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบตามมาอีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ในโครงการฯนี้ ขณะนี้ถือว่าล่าช้า เพราะยังไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่จะแจก ตามมติครม. จึงขอเสนอกรมการข้าวเพื่อพิจารณา ทบทวนการดำเนินโครงการดังกล่าว ไปดำเนินการในฤดูการผลิตปีถัดไป หรือหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกร มีความเหมาะสมกับช่วงเวลาเป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการ คุ้มค่ากับการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศให้มากที่สุด หากมีความจำเป็นจะดำเนินการต่อ กรมการข้าวควรมีข้อมูลสนับสนุนเพื่อยืนยันได้อย่างชัดเจน ว่ามาตรการแจกจ่ายมล็ตพันธุ์ข้าวดังกล่าวใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ มาจากแปลงผลิตที่ตรวจสอบได้ และได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์โครงการ เป็นความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย มีความคุ้มค่ากับการใช้จ่ายงบประมาณ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน