นายปรีดี ดาวฉาย ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานเสวนา “ความตกลง CPTPP (ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) ประโยชน์ ผลกระทบ และประสบการณ์จากประเทศภาคี” ว่าเพื่อรับทราบข้อมูล ประสบการณ์ และแนวทางที่เป็นประโยชน์ รวมถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากผู้แทนประเทศภาคี CPTPP ตลอดจนกระบวนการเจรจา ขั้นตอน และแนวทางการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยจะได้นำข้อคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมุมมองของภาคธุรกิจเอกชน ให้มีความเข้าใจในเชิงลึก และนำไปสู่การพิจารณาที่ถูกต้องในเรื่อง CPTPP ต่อไป เพราะการพิจารณาเข้าร่วมเจรจา CPTPP นั้น นอกจากประโยชน์ที่ไทยจะได้รับแล้ว จำเป็นจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นให้ได้รับฟังว่าหากไทยเข้าร่วม CPTPP แล้วไทยจะได้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนและต้องตัดสินใจให้เร็วว่าไทยจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม

นายกลินท์ สารสิน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร. ได้จัดตั้งคณะทำงานโดยมีนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่ศึกษาถึงผลกระทบ ข้อเท็จจริง รวมทั้งประเด็นที่ดีและไม่ดีต่างๆ สำหรับประเด็นที่ไม่ดีต้องกลับมาศึกษาว่าสามารถเจรจาต่อรองได้หรือไม่ หากไทยได้เข้าร่วมในฐานะผู้ก่อตั้ง จะช่วยให้มีส่วนร่วมในการกำหนดกฎกติกาให้ประเทศไทยได้ประโยชน์มากที่สุดได้ และมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทด้านเศรษฐกิจโลกพอสมควร โดยเฉพาะในอาเซียน แต่ยังกังวลในเรื่องเกษตร เมล็ดพันธุ์พืช และยา ที่ต้องมาทำความเข้าใจว่ากฎบัตรของ CPTPP ครอบคลุมลึกมากน้อยแค่ไหน ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างต้องมองสิ่งที่เราได้เปรียบ เช่น การเกษตรที่สามารถวิจัยและพัฒนาได้ เป็นต้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี

นางเจิ่น ถิ แทง มี ที่ปรึกษาการพาณิชย์ จากสถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศสมาชิก CPTPP เวียดนามยังไม่มีการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ 3 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และเปรู ภายหลังเข้าร่วม CPTPP ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 500 ล้านคนแล้ว เวียดนามคาดว่า CPTPP จะช่วยส่งเสริมการค้าและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าสิ่งทอ อาหารทะเล และสินค้าเกษตร

นอกจากนี้ เวียดนามยังคาดหวังว่า CPTPP จะทำให้ภาคการบริการและการลงทุนเติบโตขึ้น มีบรรยากาศการค้าและการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา สิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดคือ ภายหลังการเข้า CPTPP แล้ว เวียดนามมีมูลค่าการค้าเกินดุลกับทุกประเทศ ยกเว้นออสเตรเลีย โดยเวียดนามจะพยายามให้ข้อมูลและความรู้ในการใช้ประโยชน์จาก CPTPP แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น แม้จะยอมรับว่า CPTPP อาจส่งผลกระทบทางลบแก่สินค้าบางประเภท เช่น ยานยนต์ เกษตร สินค้าแปรรูป และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น

นายฮิ้วจ์ โรบิลลิอาร์ด รักษาการอัครราชทูตที่ปรึกษา สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า CPTPP ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว การส่งออกของออสเตรเลียมีตัวเลขที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ออสเตรเลียยังไม่เคยมีเอฟทีเอด้วยอย่างแคนาดาและเม็กซิโก โดยออสเตรเลียคาดหวังว่าจะสามารถส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพอย่างเช่นน้ำตาล รวมถึงการส่งออกภาคบริการอย่างเช่น ด้านการศึกษา โดยในการประเมินช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่ออสเตรเลียเข้าร่วม CPTPP นั้น ยังมองไม่เห็นภาพการเติบโตทางการค้าที่ชัดเจนมากนัก แต่คาดว่าหลังจากนี้การค้าการลงทุนจะมีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้น

สำหรับผลกระทบจากการเข้าร่วมเจรจา CPTPP จะแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่แต่ละประเทศต้องสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในประเทศของตนเอง โดยออสเตรเลียแสดงความยินดีที่ไทยจะพิจารณาเข้าร่วมเจรจา CPTPP โดยให้ความเห็นว่าการจะทำให้เกิดการยอมรับ CPTPP ควรให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูล การเข้าถึงข้อมูลการเจรจา การสังเคราะห์ข้อบทต่างๆ ในภาษาที่เข้าใจง่าย และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ทุกภาคส่วนยอมรับการเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP

นายเรียวเฮ กามาดะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส (เอเชีย) จากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีการวิเคราะห์อย่างเป็นทางการว่า CPTPP ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นปีที่ผ่านมาเติบโต 1.5% หรือคิดเป็น 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยญี่ปุ่นมองว่าการเข้าร่วม CPTPP ทำให้ญี่ปุ่นมีประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแคนาดา และนิวซีแลนด์ ที่ญี่ปุ่นยังไม่มีเอฟทีเอร่วมกัน หากเมื่อเทียบกับกรอบเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นมีกับไทย หรือญี่ปุ่นกับอาเซียน พบว่า CPTPP มีอัตราการลดภาษีที่ครอบคลุมมากกว่า อีกทั้งเรื่องการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร CPTPP มีกลไกที่ดีกว่า

ส่วนของผลกระทบด้านลบ ภาคเกษตรคือภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาโดยการเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานการผลิต รวมทั้งการมีเอฟทีเอหลายอันอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการใช้แบบฟอร์มต่างๆ ได้ โดยญี่ปุ่นมีการทำ CPTPP Guideline เพื่อให้ข้อมูลที่เข้าใจง่าย และการจัดสัมมนาทั่วประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจ CPTPP มากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน