นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ทุกองค์กรต้องเร่งที่จะพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานเพื่อตอบโจทย์ ที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภค

โดยบริษัทเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ให้มีการพัฒนาและต่อยอดให้เกิดความสำเร็จร่วมกัน โดยสยามพิวรรธน์ได้ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจต่างๆ ของการค้าปลีกที่ได้มีโอกาสใช้ธุรกิจและสถานที่ของสยามพิวรรธน์เป็นเวทีของการนำเสนอสินค้าและบริการในหลากหลายประเภท ตลอดจนช่วยพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้ความรู้เรื่องการขายและการตลาดสมัยใหม่ สร้างกระบวนการในการเรียนรู้การทำธุรกิจและออมเงิน ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินต่างๆ มาให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุน ผลักดันให้ Local Hero เติบโตไปสู่การเป็น Global Hero ต่อยอดสู่การค้าขายในเวทีโลก

ไม่ว่าจะเป็นไอคอนคราฟต์ พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและสนับสนุนส่งเสริมผลงานจากช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด โดยเปิดโครงการไอคอนคราฟต์แห่งแรกตั้งแต่ปี 2561 ที่ชั้น 4 และ ชั้น 5 ไอคอนสยาม บนพื้นที่ 2,500 ตร.ม. แหล่งรวมผลงานจากช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด พร้อมเชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยในมุมมองใหม่ลงบนงานหัตถศิลป์ เป็นเสมือนประตูแห่งโอกาสให้กับช่างฝีมือและผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า 500 ราย ได้ก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด และล่าสุดได้ขยายโครงการ ไอคอนคราฟต์ ไปที่บริเวณบริเวณชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ นำเสนอผลงานของสุดยอดช่างฝีมือไทยจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศกว่า 500 แบรนด์

นอกจากนี้ ในส่วนของ สุขสยาม ซึ่งเป็นเวทีสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่นสู่ความยั่งยืน ปัจจุบันเป็นเมืองค้าปลีกรูปแบบใหม่ ณ ชั้น G ไอคอนสยาม ที่เปิดตัวมาภายใต้แนวคิดการร่วมรังสรรค์ และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย และเป็นครั้งแรกของวงการค้าปลีกที่สามารถรวบรวมผู้ประกอบการท้องถิ่น และช่างฝีมือกว่า 3,000 ราย จากทุกจังหวัดทั่วประเทศมานำเสนอสุดยอดผลิตภัณฑ์ไทย จนเกิดเป็นกลไกของระบบนิเวศทางการค้า ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน และได้ช่วยต่อยอดการพัฒนาสินค้าของแต่ละชุมชนให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นเวทีในการเรียนรู้กลไกการค้าปลีกและค้าส่ง สู่ต่างประเทศ การตลาดรูปแบบใหม่ อย่างครบวงจร (Omni Channel) ทั้งยังได้ผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กหลายราย ได้มีโอกาสไปทำธุรกิจในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้ง สุขสยาม อคาเดมี่ สร้างผู้ประกอบการในสุขสยามให้เป็นครูถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่เราเชื่อว่าการร่วมกันรังสรรค์ สร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย คือหัวใจหลักที่จะพัฒนาคนและสร้างสมดุลของระบบนิเวศทางการค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่จะทำให้ทุกคนในสังคมสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นางชฎาทิพกล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน