นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 24-27 ส.ค. ซึ่งมีประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม 10 ประเทศ และประเทศคู่เจรจา 8 ประทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 2 องค์กร ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดประชุมรูปแบบออนไลน์ในยุคนิว นอร์มัล จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมอาเซียน เดือนพ.ย.นี้ ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ

สำหรับประเทศไทยได้นำนโยบาย พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ ของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ที่เน้นการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และรองรับนวัตกรรมด้านพลังงานอนาคต เสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสนับสนุนและร่วมมือ

“การลงทุนพลังงานจะเน้นโครงสร้างพื้นฐาน คือสายส่งและท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงธุรกิจพลังงานสะอาดและนวัตกรรมใหม่ด้านพลังงาน เพื่อกระตุ้นเศษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อาทิ นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนที่ใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานทดแทน นโยบายน้ำมันปาล์มดิบมาผสมน้ำมันดีเชล เอทานอลผสมน้ำมันเบนซิน”นายกุลิศกล่าว

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักผลักดันเร่งแผนปฏิบัติการความร่วมมือพลังงานอาเซียนระยะที่ 2 เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำแผนปฏิบัติการนี้ไปดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ภายใต้ 7 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ ความร่วมมือการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน ความร่วมมือด้านโตรเลียม ความร่วมมือด้านถ่านหิน ความร่วมมือในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน ความร่วมมือด้านพลังงานทดแทน ความร่วมมือด้านนโยบายและแผนพลังงานอาเซียน และความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์

นอกจากนี้ จะหารือร่วมกับประเทศคู่เจรจา อาทิ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย เกี่ยวกับความร่วมมือในการเชื่อมโยงทางพลังงานเพื่อเสริมความมั่นคงทางพลังงานของอาเซียน รวมถึงการหารือกับองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ เช่น ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานโลกและผลกระทบ พร้อมทั้งการรับมือจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภาคพลังงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน