เอกชนพอใจยืดพักชำระหนี้ 6 เดือน 1.05 ล้านบัญชี 1.35 ล้านล้านบาท พร้อมติดตามผล 3 เดือนธุรกิจได้ไปต่อหรือพอแค่นี้ นายแบงก์จี้กลุ่มขาดการติดต่อ 8 หมื่นรายเข้าระบบ

เอกชนพอใจยืดพักหนี้ – นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ต่ออายุมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 2564 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. 2563 ครอบคลุมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสมัครใจเข้าโครงการทั้งสิ้น 1.05 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้ 1.35 ล้านล้านบาท

โดยลูกหนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นหนี้ที่ยังชำระปกติ หรือค้างไม่เกิน 90 วัน วงเงินของทุกบริษัทในกลุ่มที่มีกับสถาบันการเงินเดียวกันไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เบื้องต้นรู้สึกพอใจกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งธุรกิจที่มีปัญหาการเงินส่วนใหญ่อยู่ในภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะไทยยังไม่เปิดรับต่างชาติ หากทยอยเปิดให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น หากผู้ประกอบการรายใดที่ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะเข้าไปเจรจากับสถาบันการเงินเป็นรายกรณี โดยขอเวลาติดตามประเมินผลของมาตรการประมาณ 3 เดือนว่าจะเป็นอย่างไร

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ข้อมูลจาก ธปท. พบว่าลูกหนี้ที่เข้าข่ายเข้าโครงการแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติหลังหมดมาตรการคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% กว่าของยอดหนี้ที่เข้าข่ายเข้าโครงการ

กลุ่มที่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจแต่ยังไม่ฟื้นตัวประมาณ 20% กว่าให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ กลุ่มที่ยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ประมาณ 10% ให้สถาบันการเงินขยายเวลาชำระหนี้เป็นรายกรรีได้อีกไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563 และกลุ่มที่ขาดการติดต่อกับสถาบันการเงินคาดว่ามีประมาณ 6% คิดเป็นลูกหนี้ประมาณ 80,000 กว่าราย ซึ่งสถาบันการเงินจะพยายามติดตามลูกหนี้เข้ากลับมาสู่ระบบให้ได้มากที่สุด หากสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน