การบินไทยร้าวหนัก! สหภาพร่อนหนังสือแจ้งสมาชิก ห้ามเซ็นสัญญาจ้างงานใหม่ ชี้ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่ยุติธรรม ทั้งที่ช่วยฝ่าวิกฤตมาด้วยกัน ฮึ่มฟ้องศาลบริษัทละเมิดกฎหมายแรงงาน
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
วันที่ 5 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสหภาพแรงงานพนักงานบริษัทการบินไทย (สร.พบท.) ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสมาชิก ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทการบินไทยฯ และประกาศคำสั่ง ที่ออกเผยแพร่ รวมทั้งข้อมูลต่างๆที่ส่งต่อๆกันในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ทำให้เกิดความสับสนต่อพนักงานระดับปฏิบัติการทุกท่าน และสงสัยว่าต้องทำตัวเช่นไรต่อประกาศ/คำสั่งต่างๆ สหภาพแรงงานพนักงานบริษัทการบินไทยจึงขอให้สมาชิกของสหภาพแรงงาน สร.พบท. ดำเนินการดังต่อไปนี้
- อ่าน การบินไทย ออกเกณฑ์คัดคนออก แอร์-สจ๊วต น้ำหนัก-อายุเกิน อดไปต่อ
- อ่าน การบินไทย ขายหุ้นนกแอร์ ลดภาระหนี้- เสนอราคาซื้อตึกศูนย์ลูกเรือหลักสี่
- อ่าน การบินไทย กระอักปี 63 ขาดทุน 1.4 แสนล้าน-ตลท.จ้องเพิกถอนหุ้น
1. การกำหนดให้พนักงานต้องแสดงความประสงค์จะทำงานต่อกับบริษัทฯ ด้วยการสมัครงานใหม่กับนายจ้างเดิม เป็นเพียงวิธีการเพื่อให้ลูกจ้างยอมรับสภาพการจ้างใหม่ที่ไม่มีธรรมาภิบาล และไม่ยุติธรรมต่อลูกจ้างไม่ว่าจะอ้างสาเหตุใด เช่น การปรับโครงสร้างองค์กร ฯลฯ
2. การกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในการคัดเลือกพนักงาน ทั้งๆที่พนักงานมีสัญญาจ้างเดิมอยู่กับบริษัทฯ และบริษัทฯมิได้ทำการเลิกจ้างพนักงานตามสัญญาเดิมที่มีอยู่แล้วนั้น เป็นเพียงวิธีการในการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้าง และยังการถูกกล่าวหาว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เป็นการกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อตกลงสภาพการจ้าง เพียงเพื่อบีบบังคับให้ลูกจ้างสมัครใจลาอก โดยลูกจ้างไม่สามารถผ่านคุณสมบัติที่นายจ้างกำหนดขึ้นภายหลังได้ เป็นการละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง
3. การออกข้อกำหนดให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและนักบิน ที่มีอายุเกิน 55 ปี เลิกปฏิบัติการบนเครื่องบิน ทั้งที่มีสัญญาการจ้างงานถึงอายุ 60 ปี เป็นการละเมิดสัญญาจ้างงาน ซึ่งนายจ้างไม่สามารถกระทำได้ ซึ่งหากนายจ้างกระทำการเลิกจ้าง ย่อมถือว่านายจ้างกระทำผิดสัญญาจ้าง ย่อมถูกฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายจากลูกจ้างได้
4. การกำหนดค่า BMI เพื่อใช้กับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินระดับ 1-7 แม้เดิมจะมีการใช้ค่า BMI เป็นตัวชี้วัดความพร้อมของร่างกายในการปฏิบัติงาน แต่ก็มีระบบว่ากล่าวตักเตือนและการระงับการบิน พร้อมทั้งปฏิบัติงานภาคพื้น และ/หรือ มีกำหนดช่วงระยะเวลาให้ปรับปรุงทางกายภาพ ดังนั้น การที่นายจ้างจะเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติที่เคยปฏิบัติระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นสภาพการจ้างเดิมและปรากฎอยู่ในคำสั่ง/ระเบียบสายงานปฏิบัติการบินเดิม โดยนำมากำหนดเป็นคุณสมบัติในการคัดเลือกลูกจ้าง เพื่อทำการเลิกจ้าง ย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแต่ฝ่ายนายจ้างฝ่ายเดียวอันไม่เป็นคุณยิ่งกว่า ซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
5. การกำหนดคุณสมบัติสำหรับพนักงานฝ่ายช่างในระดับปฏิบัติการ ระดับ 1-7 ให้ทำการทดสอบภาษาอังกฤษ และความรู้ด้านคอมพิวเตอร์รวมทั้งจะใช้คะแนนการทดสอบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อประเมินคุณสมบัติสำหรับการคัดเลือกพนักงานฝ่ายช่าง จึงเป็นการที่นายจ้างจะเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ และข้อปฏิบัติที่เคยปฏิบัติระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นสภาพการจ้างเดิม โดยนำมากำหนดเป็นคุณสมบัติในการคัดเลือกลูกจ้างเพื่อทำการเลิกจ้าง ย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเพียงฝ่ายเดียวอันไม่เป็นคุณยิ่งกว่าซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
6. สหภาพแรงงานฯ (สร.พบท. )ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงการพิจารณาตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมในการจัดการที่บริษัทฯ อ้างถึงโครงสร้างใหม่ขององค์กร ด้านการวางตัวบุคคลากรลงสู่ตำแหน่งตามโครงสร้างใหม่ โดยมีการกล่าวอ้างว่าบริษัทฯ ดำเนินการโดยไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล การวางตัวบุคคลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
ดังนั้นสร.พบท.ขอให้ฝ่ายบริหารที่กระทำการดังกล่าว ได้ดำเนินการวางตัวบุคลากรให้ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่พนักงานโดยด่วน เช่น พิจารณาถึงคุณลักษณะงานที่พนักงานปฏิบัติงานมาด้วยความชำนาญมาเป็นหลายสิบปี แต่กลับไม่ได้รับการถูกคัดเลือก มิฉะนั้น สร.พบท. จะดำเนินการในขั้นตอนตามกฎหมายต่อไปภายใน 7 วันนับแต่วันที่
7. การปรับโครงสร้างเงินเดือนพนักงานตามที่บริษัทได้แถลงต่อพนักงานในโอกาสต่างๆ สร.พบท. เห็นว่าการปรับเงินเดือน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ และข้อบังคับบริษัทฯ ใหม่ เป็นการละเมิดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง อย่างชัดเจน เป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองแรงงานการที่บริษัทฯ เอาเปรียบพนักงานโดยไม่แจ้งข่าว โครงสร้างเงินเดือนใหม่เพื่อให้พนักงานตัดสินใจ และกล้าที่จะให้พนักงานสมัครงานใหม่ทั้งๆ ที่พนักงานยังคงปฏิบัติงานได้ด้วยดี และกล้าที่จะทำการเอาเปรียบ
ในระดับ 1-7 ซึ่งพนักงานให้ความร่วมมือกับบริษัทฯฟันฝ่าสถานการณ์วิกฤติด้วยดีมาโดยตลอด“บริษัทรอด พนักงานรอด” น่าจะเป็นแค่คำพูดที่สวยหรูของฝ่ายบริหารเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงพนักงานในระดับฝ่ายบริหารยังมีจำนวนมากเกินความจำเป็น เพราะอัตราเงินเดือนผู้บริหารเหล่านี้มีเงินเดือนสูง เพราะในวันนี้พวกท่านผู้บริหารระดับสูงเริ่มที่จะทำให้พนักงานเสียขวัญกำลังใจซึ่งนำไปสู่ปัญหากระทบด้านจิตใจของครอบครัวพนักงานอีกมากมาย ดังนั้น อยากถามฝ่ายบริหารว่า “บริษัทจะรอดหรือไม่ แต่พรรคพวกเพื่อนพ้องต้องรอด ต้องได้อยู่ต่อ” น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะการคัดเลือกพนักงานที่จะได้ไปต่อก็ไม่มีหลักธรรมาภิบาลตั้งแต่แรก
“ขอให้เพื่อนพนักงาน และสมาชิก สร พบท.ทุกท่านตั้งสติ และพิจารณาให้ดีว่า ถึงแม้ท่านจะทำการสมัครงานใหม่กับนายจ้างเดิม ก็ไม่มีผู้ใดให้คำรับรองแก่ท่านว่า “จะไม่ถูกเลิกจ้าง” ในขณะที่ยอมรับในเงินเดือนสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าท่านเป็นสมาชิก สร.พบท. เราขอแนะนำท่านไม่ต้องเซ็นเอกสารใดๆ ทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องที่ผิดแปลก หรือริดรอนสภาพการจ้างเดิม หรือมีผลกับสภาพการจ้างปัจจุบัน”