ชาวบ้านอ่วมน้ำมัน-อาหารแพง เงินเฟ้อเดือนเม.ย.พุ่ง 3.41% จับตาเดือนหน้ารัฐต่อแพ็กเกจเยียวยาลดค่าครองชีพปัจจัยหลักกดเงินเฟ้อลงต่ำ

ชาวบ้านอ่วมน้ำมัน-อาหารแพง – นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนเม.ย. 2564 อยู่ที่ 100.48 เพิ่มขึ้น 3.41% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากเรื่องของราคาพลังงานและราคาอาหารสด ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 14 เดือน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี 4 เดือน ประกอบกับมาตรการลดค่าครองชีพด้านสาธารณูปโภคของรัฐสิ้นสุดลง ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปี 2564 นี้ (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 0.43%

โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนเม.ย. 2564 นี้ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปัจจัยสำคัญในหมวดพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมันตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยจากราคาอาหารสด เช่น เนื้อสุกร และผักสดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือนเม.ย. 2564 อยู่ที่ 100.56 เพิ่มขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.16%

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่สนับสนุนการใช้จ่ายของประชาชน และอุปสงค์ในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัวตามลำดับ โดยด้านอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และมูลค่าการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง ประกอบกับรายได้เกษตรกรที่ยังคงขยายตัวได้ดีตามราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับดัชนีอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ รถยนต์นั่ง และรถจักรยานยนต์ ที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง ขณะที่ด้านอุปทานปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง และอัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในขณะนี้ ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งภาคการผลิต และภาคการบริโภค และเป็นประเด็นข้อกังวลที่อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถควบคุมให้กลับมาสู่ภาวะใกล้เคียงปกติได้เมื่อไหร่

สำหรับการคาดการณ์เงินเฟ้อของเดือนพ.ค.ยังต้องติดตามแพคเกจมาตรการที่รัฐบาลจะออกมาเพื่อเยียวยาและลดค่าครองชีพอย่างไร หากมีการต่อมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งมีน้ำหนักที่สูงในเงินเฟ้อ จากที่คาดการณ์ว่าพ.ค.เงินเฟ้อสูง 3% ก็จะหายไป 2% เหลือ 1-1.5% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันยังคงเป็นแรงกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป และในภาพรวมแม้เงินเฟ้อของไทยจะสูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้ผิดปกติหรือแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ คาดว่าเงินเฟ้อในปี 2564 จะเคลื่อนไหวระหว่าง 0.7-1.7% (ค่ากลางอยู่ที่ +1.2) ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง แต่หากรัฐบาลขยายแพคเกจช่วยลดค่าครองชีพด้านสาธาณูปโภคยาวหลายเดือน ก็จะต้องทบทวนตัวเลขคาดการณ์ทั้งปีใหม่

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการในเดือนมี.ค. 2564 จำนวน 422 รายการ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า สินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น 224 รายการ เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอลล์ 91 แก๊สโซฮอลล์ 95 น้ำมันดีเซล B7 น้ำมันดีเซล B10 แก๊สโซฮอลล์ E20 น้ำมันเบนซิล 95 เนื้อสุกร ต้นหอม สินค้าที่ปรับตัวลดลง 140 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ หัวหอมแดง กระเทียม มะเขือ มะม่วง เงาะ น้ำดื่มบริสุทธิ์ สินค้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง 66 รายการ








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน