นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่าสภาหอกา รค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้บูรณาการข้อมูลประเมินแนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารไทยปี 2565 คาดว่าจะมีมูลค่า 1,200,000 ล้านบาท ขยายตัว 8.4% ซึ่งหากเป็นไปตามคาดจะเป็นสถิติส่งออกสูงสุดครั้งใหม่ (นิวไฮ) ของการส่งออกอาหาร

โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจหลังจากประชากรโลกได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครอบคลุมมากขึ้น ความอันตรายของโรคลดต่ำลง ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง ทั้งร้านอาหารและโรงแรมค่อยๆ ฟื้นตัวหลังความกังวลโควิด-19 เริ่มลดลง ประเทศต่างๆ มีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าส่งผลดีความสามารถการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะอาหารเป็นสินค้าที่พึ่งพิงปัจจัยการผลิตในประเทศเป็นหลักจะได้รับประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามเรื่องราคาวัตถุดิบภาคเกษตร บรรจุภัณฑ์ น้ำมัน เพิ่มสูงขึ้นมาก กระทบต่อต้นทุนการผลิตและขนส่งของภาคอุตสาหกรรมอาหาร การขาดแคลนแรงงาน กระทบต่อการเพิ่มผลผลิตและรับคำสั่งซื้อ และกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางและระดับล่าง อ่อนตัวลงจากภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นจะมีบทบาทมากที่สุดในการกดดันภาคอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากจะบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง

นางอนงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2564 การส่งออกสินค้าอาหารของไทยมีมูลค่า 34,890 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 11.5% คิดเป็นมูลค่าในรูปเงินบาท 1,107,450 ล้านบาท ขยายตัว 11.8% เป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ โดยไทยยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 13 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดโลกที่ 2.3% ลดลงจากปีก่อน 2.32%

เนื่องจากความกังวลโควิด-19 คลายตัวลง ประเทศคู่ค้าผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลทำให้สินค้าส่งออกที่มีตลาดในกลุ่มธุรกิจบริการร้านอาหารและโรงแรมปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลดีต่อกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออก

“ตลาดส่งออกอาหารของไทยปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่ 1 ของไทย มีสัดส่วนส่งออก 24.5% มูลค่าการส่งออก 271,674 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 50% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการส่งออกผลไม้สดและแป้งมันสำปะหลังเป็นหลัก รองลงมา ได้แก่ ซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 2 ในสัดส่วน 12.4% และญี่ปุ่น อันดับ 3 ในสัดส่วน 11.5% อีกทั้งการส่งออกอาหารไปประเทศอินเดียยังขยายตัวสูงถึง 219.7% จากการส่งออกน้ำมันปาล์มเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ แอฟริกา โอเชียเนีย และสหราชอาณาจักรลดลงจากสินค้าทูน่ากระป๋องและข้าวเป็นสำคัญ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน