‘อภิสิทธิ์’ หาเสียงสระบุรี ชวนคนออกไปเลือกตั้ง แม่ค้าเชียร์ ‘นายกฯ อีกสมัย’ ฟุ้ง 70 ปี ประชาธิปัตย์ มีนายกฯ 4 คน ไร้ซึ่งมลทินแปดเปื้อน

อภิสิทธิ์ – เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 1 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค นายเกียรติ สิทธีอมร ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมคณะ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน แม่ค้า พ่อค้า ในตลาดวิหารแดง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และนายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 2 (อ.มวกเหล็ก อ.แก่งคอย อ.วังม่วง อ.วิหารแดง) บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาดเช้าแห่งนี้ โดยแม่ค้าในตลาดวิหารแดงท่านหนึ่งกล่าวว่า “ดีใจมากๆ เลยท่านเป็นนายกฯ คนแรกที่มาบ้านเรา ตลาดวิหารแดงเป็นตลาดเล็กๆ แต่ท่านก็มาหาเรา เราดีใจมากๆ เลย ขอให้กำลังใจท่าน สู้ๆ อยากให้ท่านกลับมาเป็นนายกฯ ของพวกเราอีกครั้ง”

ภายหลังการเดินพบปะประชาชนในตลาดฯ นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวสระบุรีที่ให้การต้อนรับประชาธิปัตย์เป็นอย่างดี วันที่ 24 มี.ค. เป็นวันสำคัญ ที่ประชาชนจะได้ใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าของประเทศ ในการกำหนดอนาคตของประเทศอีกครั้งหนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ถือเป็นเดิมพันของชีวิตของท่าน ของสังคม ของประเทศชาติบ้านเมือง และเลือกตั้งครั้งนี้เขาเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ให้มีบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว เพราะฉะนั้นการไปกาเพียงครั้งเดียวเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งของท่านเป็นการเลือกพรรคการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสเป็นรัฐบาล รวมทั้งคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน จึงอยากจะเห็นพี่น้องประชาชนทุกคนไปใช้สิทธิ์ ชักชวนญาติสนิท มิตรสหายไปใช้สิทธิ์เพื่อช่วยกันสนับสนุนให้เราได้รัฐบาลที่ดี ที่จะทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยสุจริต

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายของเราจะเน้นเรื่องของการประกันรายได้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ภาคแรงงาน ว่าจะเป็นตัวที่ฟื้นกำลังซื้อของพี่น้องได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้แม้ว่าจะมีความตั้งใจดี แต่การช่วยเหลือนั้นอยู่ในรูปแบบที่ไม่เอื้อให้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมา ยกตัวอย่างเรามีพี่น้องที่ถูกจัดว่าเป็นคนจนขณะนี้สูงถึง 14 ล้านคน ที่รัฐบาลเอาบัตรสวัสดิการมาให้

แต่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ส่วนใหญ่ก็คือจะต้องไปใช้ในร้านธงฟ้าประชารัฐที่รัฐบาลกำหนด ประชาธิปัตย์ก็บอกว่า นอกเหนือจากการการฟื้นรายได้ของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานแล้ว สำหรับ 14 ล้านคนนี้จะเปลี่ยนเป็นวงเงินเข้าบัญชีโดยตรงให้กับคนเหล่านี้เดือนละ 800 บาท และต้องการให้เงิน 800 บาทนี้มาอยู่ในตลาดนี้ มิใช่ไปอยู่ในร้านค้ามีอยู่ไม่กี่ร้านในแต่ละตำบล เพราะมั่นใจว่าถ้าทุกคนเอาเงินมาใช้ในตลาดมาซื้อข้าวของหิวก็มาซื้อกินตรงนี้ เงินก็จะมีการหมุนเวียนอยู่ในเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น นี้คือนโยบายเพียงข้อสองข้อที่เราแก้จน

นอกจากการแก้จนยังมีงานที่ประชาธิปัตย์ได้ทำมาตลอดนั้นคือการดูแลคนและการสร้างคน ซึ่งครั้งนี้ก็จะเป็นการต่อยอดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการเรียนฟรี ที่จะขยายถึง ปวส. ไม่ว่าเรื่องของเงินที่จะมาช่วยเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 8 ขวบ รวมเวลา 8 ปี 100,000 บาทต่อปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำโครงการอาหารกลางของเด็กนักเรียน เดิมทำถึง ป.6 ให้ถึงเป็น ม.3 แถมอาหารเช้าอีก 1 มื้อ เพิ่มเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทถ้วนหน้า การเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม. ให้คนพิการเป็น 1,000 บาท เช่นเดียวกัน นโยบายทั้งหมดเรานี้เรามั่นใจว่าปฏิบัติได้จริงปฏิบัติได้เร็วและจะช่วยฟื้นภาวะเศรษฐกิจต้นมา

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คือ นโยบายจะดีอย่างไร แต่ถ้าในที่สุดบ้านเมืองการเมืองกลับไปสู่ความขัดแย้งกลับไปสู่ปัญหาเดิมๆ และในภาวะที่เป็นมาหลายปีนี้ ตนมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนไม่มีคามสุข ประชาธิปัตย์เราหาทางออกจากปัญหานี้ สรุปง่ายๆ ว่า ประชาชนต้องเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องสุจริต

คำว่าประชาชนต้องเป็นใหญ่เพราะว่า ถ้าเราไม่มีรัฐบาลไม่มีผู้นำที่มีจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปไตย ยากที่จะเข้าใจปัญหาของประชาชน ไม่รับฟังความเห็นจากประชาชนก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ตรวจดู ประชาธิปัตย์ 70 กว่าปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนคนไทยมา มาพิสูจน์กันมาโดยตลอด ว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยของเราเหมือนความว่าเราไม่ใช่ว่าลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันกัน แล้วพูดถึงว่าใครชนะใครแพ้ใครมีเสียงข้างมากเท่านั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แต่ทุกเรื่องที่เราทำประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม นี้คือเหตุที่เราจึงชูประเด็นว่า เพื่อประชาชนเป็นใหญ่ แต่บ้านเมืองเราที่เป็นอยู่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเกือบทุกครั้งมาจากปัญหาการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ คุณอมร อมรรัตนนานนท์ ผู้สมัคร เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้กับการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยอมไม่ได้เวลาที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น เวลาที่มีการใช้อำนาจในการกลั่นแกล้งกลุ่มบุคคลต่างๆ ในสังคม

เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การทำหน้าที่การเมืองอย่างซื่อสัตย์สุจริต ประชาธิปัตย์ 70 กว่าปีเรามีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน คือ นายควง อภัยวงศ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายชวน หลีกภัย และตน พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า 4 นายกรัฐมนตรี ที่มาจากประชาธิปัตย์ไม่มีใครมีมลทินไม่มีใครแปดเปื้อนมลทินเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นแม้นแต่คนเดียว สิ่งนี้จะเป็นหลักประกันความมั่นใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน