วันที่ 25 เม.ย. หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 18/73 หมู่บ้านเดอะซิตี้ รามอินทรา ถ.กาญจนาภิเษก แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ตรีชฎา ใจสบาย อายุ 35 ปี เจ้าของบริษัทใจสบาย จำกัด หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท เมจิสกิน จำกัด โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียม เรียกดารานักแสดง 7 คนแรก ที่รับรีวิววสินค้าเข้ามาสอบ โดยหนึ่งในนั้นคือ “มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล” นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง

ผู้สื่อข่าวข่าวสด ได้โทรศัพท์ติดต่อไปทาง มาร์ช-จุฑาวุฒิ นักแสดงได้เผยว่า “ผมเห็นข่าวแล้วครับ แต่ตำรวจยังไม่มีการติดต่อมา ถ้าถามว่าตอนแรกที่ทางแบรนด์ติดต่อมาให้รีวิว เขาแจ้งว่ายังไงบ้าง คือจริงๆ รายละเอียดที่คุย ส่วนใหญ่เวลาผมรับงาน ก็จะเป็นผู้จัดการเป็นคนคุย และคอยสกรีนงานให้ ตรงนี้ผมตอบไม่ได้ว่ามีการคุยกันยังไง แต่ว่าในแง่พรีเซ็นเตอร์คือผมไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์นะครับ ผมแค่โปรโมทเฉยๆ ไม่ได้ตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์”

“ถ้าให้พูดตามความรู้สึกของผมกับเรื่องนี้ ตอนนี้ผมไม่สบายใจจริงๆ ปกติเวลาผมรับงาน เรากับผู้จัดการจะช่วยกันเช็กอยู่แล้ว ครั้งนี้เราก็มีการตรวจสอบและพยายามเช็กข้อมูล คือมันก็เป็นพื้นที่ของผมที่ลงไป เรายอมรับว่าผิดพลาดและตรวจสอบไม่ดีพอ ก็เลยอยากจะขอโทษตรงนี้ เพราะพอเราลงไปปุ๊บ มันก็สื่อไปถึงคนที่ติดตามเราไปในวงกว้าง เราก็ไม่สบายใจ เลยอยากจะขอโทษผ่านตรงนี้ว่า เราบกพร่องในการตรวจสอบจริงๆ ครั้งต่อๆ ไป หรือต่อจากนี้ เราคงต้องรอบคอบกว่านี้อีกเยอะในแง่การรับงานของผม และในแง่ที่ผมเป็นผู้บริโภคด้วยครับ คือเราได้เห็นโลโก้จริงๆ แต่เราสะเพร่าที่ไม่ได้ไปตรวจสอบต่อ”

เวลาผู้จัดการช่วยสกรีนงานแล้ว เราสกรีนอีกรอบไหม หรือไม่แล้ว “ต้องคุยกันด้วยครับ และผมเห็นว่ามีโลโก้แล้ว อย่างเวลาผมเดินไปซื้อผลิตภัณฑ์อะไร ส่วนใหญ่ผมจะดูโลโก้นี้ก่อนครับ เพราะมันเป็นพื้นฐาน แต่ครั้งนี้ผมสะเพร่าเองครับที่ไม่ได้ไปตรวจสอบต่อให้ละเอียด”

เสียใจมั้ย เพราะเราเป็นคนดัง มีคนติดตามเยอะ ที่บางคนหลงเชื่อใช้ผลิตภัณฑ์ตามจากการเห็นเราโปรโมท หรือบางคนมองว่าเราไปหลอกลวงผู้บริโภค “ผมไม่รู้จริงๆ เจตนาผมไม่ได้จะหลอกลวงใคร แต่ในเมื่อมันเกิดข้อผิดพลาดตรงนี้ขึ้นมา ผมก็ขอโทษจริงๆ ที่เป็นแบบนี้ เราไม่มีเจตนาแบบนั้น”








Advertisement

แล้วตอนแรกที่มีข่าวออกมา เราตกใจไหม “ตกใจครับ คือข่าวมันมีหลายทางมาก เราก็ติดตาม พยายามอ่านรายละเอียด ก็ยังมีส่วนที่พอเข้าใจ และมีส่วนที่งงๆ อยู่”

เหตุการณ์นี้จะส่งผลไหม เวลาจะรับงานในการโปรโมทต่อไป “ครับ ผมว่ามันเป็นบทเรียนของตัวผมเองด้วย และก็ของผู้จัดการด้วย เราก็ต้องละเอียดมากขึ้นกว่านี้ เราไปโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเราเอง เพราะมันเป็นพื้นที่ของเรา และเราก็ลงไปเอง ยอมรับข้อผิดพลาดตรงนี้ มันจะเป็นบทเรียนมากๆ สำหรับผมในอนาคต ต้องมีการตรวจสอบที่เป็นระบบกว่านี้ คือผมก็ไม่มีความรู้เชิงลึกด้านนี้ ว่าต้องไปตรวจสอบยังไง”

แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการเรียกตัวไปให้ข้อมูล จากทางตำรวจใช่ไหม “ยังครับ ซึ่งถ้ามีมา ผมก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ ในการเข้าไปให้ข้อมูลกับทางพี่ตำรวจ เพราะเจตนาเราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงใครจริงๆ และผมก็เชื่อว่าพี่ๆ เพื่อนๆ ในวงการ ก็ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นครับ สุดท้ายสำหรับที่ผมลงโปรโมตไป คนที่ติดตามผมและได้เห็น ซึ่งพอข่าวออกมา เหมือนสินค้ามันมีปัญหา เราก็ไม่สบายใจ เหมือนเราโปรโมตสินค้าที่มีปัญหาไป ผมขอโทษจริงๆ ครับ เพราะเกิดจากการที่เราตรวจสอบไม่ดี ไม่ละเอียดเอง ครั้งต่อไปผมจะตรวจสอบให้มากขึ้น และในฐานะผมเป็นผู้บริโภคคนนึง ผมก็ต้องนำไปใช้กับตัวเองด้วยว่า การที่เราพลิกมาดูแล้วเห็นเครื่องหมาย อย. มันก็อาจจะต้องตรวจสอบให้ลึกกว่านี้ครับ”

 

ขอบคุณรูปประกอบจากไอจี : marchutavuth

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน