‘น้อย วงพรู’ เผยปรับตัวเล่นเฟซบุ๊ก-ดันเพลง รับเจ็บ!เจอเมนต์แซว ปัดติดโซเชียล
นักร้องรุ่นใหญ่ กฤษฎา สุโกศล แคลปป์ หรือ ‘น้อย วงพรู’ ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี มาร่วมงานครบรอบ 16 ปี บริษัท บีอีซี-เทโร เรดิโอ ที่ อาคารมาลีนนท์ ย่านพระราม 4 พร้อมเปิดใจสาเหตุที่หันมาเริ่มเล่นเฟซบุ๊กเมื่อไม่นานนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยมีแอ๊กเคาต์เฟซบุ๊กมาก่อนในชีวิต พร้อมเผยวิธีรับมือกับคอมเมนต์เชิงลบในสไตล์ ‘น้อย วงพรู’
โดย น้อย เผยถึงสาเหตุ ว่า “พูดตรงๆ เกิดจากการที่เราหายไป 12 ปี และเรากำลังมี 12 เพลงใหม่ ทำอัลบั้มใหม่ เราก็รู้ว่าต้องเริ่มรีคอนเน็กต์กับแฟนๆ เรา เหมือนกับมาเจอครอบครัวเก่า มาทำความรู้จักกันใหม่ เพลงก็เหมือนลูกเราที่เราคิดขึ้นมา แล้วแฟนเพลงก็เป็นคนที่ดูแลลูกเรา คือฟังเพลงเรา ยอมรับเพลงเราจริงๆ เขาสำคัญ เราก็กลับมาเพื่อแฟนเพลงเรา”
ก่อนหน้านี้ทำไมไม่คิดเล่นเฟซบุ๊กเลย
“ก่อนหน้านี้ไม่อยากเล่นเพราะรู้สึกจะทำให้ชีวิตเราสับสนขึ้น คือรู้ว่าข้อดีมันก็มี ได้รู้จักคนนู้นคนนี้ แต่เราไม่รู้จะโพสต์อะไรจริงๆ เพื่อนเราไม่เยอะอยู่แล้ว”
แสดงว่าจริงๆ ที่กลับมาเล่นเฟซบุ๊ก เพราะต้องการโปรโมตเพลงด้วย
“อยู่แล้ว คือมันมีส่วนอยู่แล้ว ผมว่าศิลปินทุกคนไม่ว่าจะรุ่นน้อย หรือที่กำลังเริ่มต้น ทุกคนก็อยากให้เพลงตัวเองไปถึงคนฟังให้มากที่สุด มันเหมือนกับให้เพลงเราคอนเน็กต์กับคนฟัง เราก็ยอมรับว่ามันต้องมีเรื่องธุรกิจ อย่างเวลาเราหาสปอร์นเซอร์ทำมิวสิควิดีโอ หลายครั้งสปอร์นเซอร์เขาจะบอกทันทีเลยในสัญญา ว่าต้องมีอินสตาแกรม มีเฟซบุ๊กนะ เพราะมันก็ช่วยโปรโมตโปรดักซ์เขาด้วย เรื่องธุรกิจมันก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว”
เราตั้งใจมาเล่นเองหรือมีผู้ใหญ่สั่งให้เล่น
“เราคุยกับพี่ชาย พี่ชายก็บอกว่าผมต้องเริ่มเล่นจริงๆ นะ ถ้าอยากกลับมา เพราะน้อยหาไปนานจนโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าอยากกลับมาแล้วอยากให้คนฟังเพลงเรา ต้องเล่นจริงๆ ไม่นั้นสิ่งที่ตั้งใจทำมาตลอด 8 ปี อาจจะหายไปเลยก็ได้ ซึ่งน้อยก็ต้องเข้าใจกับมัน ไม่ถึงกับปรับชีวิต แต่ปรับเวลาของทุกวัน มาโฟกัสแฟนเพจด้วย”
พอเปิดตัวเล่นเฟซบุ๊ก แฟนๆ ว๊าวกับการมาของเรา
“ขอบคุณแฟนๆ ผมก็ดีใจนะ คือมันมีสองคนที่จะรักเราจริงๆ คือครอบครัวกับแฟนเพลงเรา ที่เราจะพลาดเมื่อไหร่ในชีวิตเขาก็ยังจะให้อภัยเรา คือเวลาเราเล่นเฟซบุ๊กน้อยพยายามจะตอบทุกคนจริงๆ”
เริ่มอินกับเฟซบุ๊กบ้างหรือยัง
“มันก็เริ่มเข้าใจแฟนเพลงหรือคนที่เข้ามาดู และน้อยก็เริ่มเข้าใจว่าเขาไม่ได้สนใจแค่เพลงอย่างเดียว นั่นก็เป็นจุดที่น้อยกำลังเริ่มปรับตัวอยู่เหมือนกัน เพราะน้อยพูดเสมอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลงานเรา เพลงเรา ไม่ใช่ตัวเรา แต่เวลาเราไปโพสต์เรื่องอื่น อย่างล่าสุดที่โพสต์ถึงการเดินทางที่ศรีลังกา เราเพิ่งมารู้ว่าที่เราโพสต์สิ่งส่วนตัวมันจะฮิตมากกว่าเพลงของเราด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์ของเรา แต่เราก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น”
เหมือนเราจะเปิดตัวเองให้สาธารณะมากขึ้นกว่าเดิมไหม
“น้อยก็สังเกตนะว่ามีคนทักเรามากขึ้น เพราะแฟนเพจ และเส้นระหว่างศิลปินกับตัวตนเราเองมันเริ่มเบลอๆ เพราะมันต้องควบไปด้วยกัน ซึ่งเราโพสต์เพราะเราอยากให้แฟนเพจแฮปปี้ ไม่รู้สึกว่าแฟนเพจเราน่าเบื่อ พยายามอยากให้เขาสนุกไปด้วย”
กลัวจะสูญเสียความเป็นตัวเองไหมถ้ามาเล่นโซเชียล จากแต่ก่อนที่คนมองว่าเรามีโลกส่วนตัวสูง มีเส้นกั้นกับแฟนๆ
“จริงๆ น้อยดูเหมือนคนที่มีโลกส่วนตัวสูงแต่คือน้อยไม่มีอะไรที่จะซ่อนแอบนะ เวลาใครถามอะไรน้อยก็ตอบตรงๆ เลย เราจะแอคทีฟมากเวลาคนถามอะไร เราจะพยายามตอบ เรามักจะหวังว่าทุกคนหวังดีกับเรา อาจจะมีครั้งเดียวที่เราโพสต์ภาพแล้วมีคนคอมเมนต์แรงๆ ก็งงว่าคนนี้เขาจะมาว่าเราทำไม เราก็ตกใจ งงว่าทำไมเป็นคนแบบนี้”
เคยเจอคอมเมนต์แรงๆ มั้ย เรารับมือยังไง
“จริงๆ ตั้งแต่เปิดเฟซบุ๊กมา น้อยก็เจอแค่ครั้งเดียว ถามว่าจะรับมือยังไง คือตอนแรกก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่พอสักพักก็เข้าใจว่าเขาก็มีสิทธิ์ของเขา และเดี๋ยวนี้ถ้ามีคนมาว่าหรือแซวอะไร น้อยก็เจ็บเหมือนกับที่ศิลปินทุกคนเจ็บ คือถ้าเรารู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เราก็จะไม่สน แต่ถ้าน้อยทำอะไรที่ผิดพลาดจริงๆ และเขาแซว น้อยก็จะเริ่มเครียดจริงๆ เราเป็นมนุษย์ น้อยพูดเสมอว่าศิลปินเราก็เป็นโปรดักซ์ เราขายตัวเอง แต่เวลาคนไม่ชอบเรา เราก็เจ็บนะ แต่เรารู้อยู่แล้วว่าวงการนี้เป็นยังไง จะไปโทษคนอื่นก็ไม่ได้ ต้องเตรียมพร้อมกับมัน”
คนส่วนใหญ่ใช้ 70-80% ในโลกโซเชียล แล้วพี่น้อยเป็นกี่เปอร์เซ็นของชีวิต
“มันก็หนีไม่พ้นจริงๆ เรื่องโทรศัพท์ การสื่อสารอย่างการไลน์ เรากับภรรยาก็มาทางนี้แล้ว คือมันก็เยอะเหมือนกันนะ”
แบบนี้จะใช้คำว่าเราติดโซเชียลไหม
“ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราบ้ากีฬา เราก็จะเข้าไปดูข่าวสาร บอลเมื่อคืนใครชนะ เราก็อยากรีบรู้ แต่เรายังอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันนะเพราะเราเป็นคนบ้าข่าว”
แล้วตั้งแต่เริ่มเล่นโซเชียลมา ความตั้งใจแรกเพื่อให้แฟนๆ รับรู้ถึงเพลงที่ตั้งใจทำ ตอนนี้มันได้ผลไหม
“มันก็เวิร์กทีเดียวนะ ปูทางให้เรา แม้เอ็มวีแรกจะยังไม่ออกแต่มันช่วยปูทางจริงๆ แล้วบางทีมันก็ทำให้น้อยมีความสุขในอีกแง่ เราก็ไม่นึกว่าคนจะชอบเราหรือเพลงเรา บางเพลงมากขนาดนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดี บางทีมันก็ดีสำหรับอีโก้เรานะ รู้สึกดีเวลาที่คนชอบเราในสิ่งที่เราไม่นึกว่าเขาจะชอบ เราเป็นมนุษย์ทุกคนก็อยากให้คนชอบเรา ทุกคนอยากได้การยอมรับ แม้แต่น้อยที่อยู่ในวงการก็ถือว่านาน อาจจะถือว่าเป็นรุ่นพี่ แต่น้อยก็เหมือนกับเด็กที่ยังต้องการความยอมรับเสมอ น้อยว่าแฟนเพจมันก็ช่วยตรงนี้ ช่วยให้รู้สึกดีบ้างเวลาเราเศร้า”
รูประกอบจากเฟซบุ๊ก : NOi Pru