นุ่น รมิดา เล่านาทีสูญเสียคุณแม่ เหตุติดเชื้อ-ไวรัสขึ้นสมอง หลุยส์ เคียงข้างตลอด!

วันที่ 22 เม.ย. ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หนองแขม จัดพิธีบวงสรวงละครเรื่อง พิภพหิมพานต์ นักแสดงสาว นุ่น รมิดา ประภาสโนบล ที่มาร่วมพิธี ได้ให้สัมภาษณ์ เปิดใจถึงการจากไปของ คุณแม่อรุณรัตน์ ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พาแม่ไปรักษาตัวที่ประเทศจีน โดยมี หลุยส์ สก๊อต แฟนหนุ่ม อยู่เคียงข้างตลอดเวลา

เกาะติดข่าวบันเทิงฮอตๆ
แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสดบันเทิง ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ถามเรื่องงานศพคุณแม่
“เพิ่งส่งคุณแม่ขึ้นสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 ที่ผ่านมานี้เอง งานทุกอย่างก็ราบรื่นไปด้วยดี คือเคสของนุ่น อาจจะไม่เหมือนคนทั่วไป คือคุณแม่เสียที่จีน เราก็ต้องทำเรื่องที่กงศุลประเทศจีน เพื่อส่งคุณแม่กลับบ้าน ตอนแรกจัดได้ช่วงสงกรานต์ แต่นุ่นมองว่าช่วงสงกรานต์เป็นวันรื่นเริง คือทุกคนรอวันนี้ แล้วจะให้เขามางานแม่เราก็กระไรอยู่ ก็เลยขอเลื่อนวัน คือคุณแม่มาวันที่ 14 เม.ย. จัดสวดวันแรกวันที่ 15 เม.ย.”

วันที่เสียชีวิต นุ่นได้อยู่กับคุณแม่ไหม
“อยู่ คืนวันที่ 10 นุ่นลาแม่กลับบ้าน คือช่วงนั้นคุณแม่หลับมาเป็นอาทิตย์แล้ว ตอนแรกที่นุ่นทราบข่าว คุณพ่อก็โทรมาบอกว่าคุณหมอแจ้งว่าวัน 2 วัน จะเสียแล้วนะ แต่ท่านก็อยู่ได้ เหมือนท่านรอเรา พอวันที่ 10 พอเราบอกคุณแม่ ว่าเดี๋ยวเรากลับนะ ความดันหัวใจของท่านก็ค่อยๆ ลดลงแต่ด้วยความที่เราต้องขึ้นเครื่องแล้ว และเราก็ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ต่อแล้วจะอย่างไร คืองานเราก็ยังต้องทำ กองละครก็รอถ่ายอยู่ พอเราถึงเมืองไทย คุณแม่ก็ไปเลย”

เหมือนท่านสบาย หลับไป
“ถ้าถามนุ่น นุ่นว่าท่านไปสบายที่สุด คือเวลาเราคิดถึงเรื่องความตาย เราจะคิดว่าเราจะทรมานขนาดไหน ต้องปวดร้าวแค่ไหน แต่ตอนที่คุณแม่ป่วย นุ่นไม่เคยเห็นท่านขอมอร์ฟีน คือผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่จะต้องเจ็บปวดจากอาการที่เป็น แต่แม่ของนุ่นไม่เคย ท่านอดทนมาก”

ได้พูดอะไรกับคุณแม่เป็นคำสุดท้ายบ้าง
“เราไม่ได้พูดกันเยอะ ช่วงหลังๆที่ท่านป่วย ท่านจะนิ่ง จะเงียบ แต่ท่านก็รู้แหละ เพราะสิ่งที่นุ่นทำ เขารับรู้ได้ตลอด”

ได้กำลังใจจากที่ไหนบ้าง
“จริงๆ มันพูดยาก เพราะแม่เราก็อยู่ที่โน่น เราก็ต้องทำงาน ในขณะที่พอเรารู้อาการแม่ มันไม่สามารถขับรถไปได้ คือเราก็ทำใจตั้งแต่ทราบว่าคุณแม่เป็น แต่เราปกปิดแม่ และตั้งแต่วันแรกที่ให้สัมภาษณ์เรื่องอาการป่วยของท่าน นุ่นไม่เคยบอกท่าน และต้องปิดสื่อด้วย เพราะท่านไม่ทราบ จะให้ท่านมาทราบจากสื่อคงไม่ได้ ตั้งแตวันแรกที่เรารู้ว่าแม่เป็นเอาตรงๆ ว่าเราทำใจตั้งแต่วันแรก จุดไหนที่รักษาท่านแล้วท่านดีขึ้น เราก็แค่ดีใจ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรอบข้างนุ่นรอซับพอร์ตอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราก็เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เราไม่ค่อยแชร์ความอ่อนไหวให้คนเห็น พอเราฝึกอย่างนี้ตลอด มันก็เลยกลายเป็นว่าเราต้องเข้มแข็งเพื่อครอบครัว แต่วันเผาก็ได้หลุยส์คอยดูแลคุณพ่อ ดูแลแขกให้เรา คุณพ่อก็ค่อนข้างแฮปปี้ ครอบครัวเราก็คิดว่าคุณแม่ไปแบบดีที่สุดแล้ว”

ในครอบครัวมีการพูดคุยอย่างไรบ้าง
“ครอบครัวนุ่นมีกันแค่ 4 คน แต่ด้วยความที่คุณพ่อรับราชการมีคนนับถือ พอทุกคนทราบว่าคุณแม่เสีย ทุกคนก็อยากมาช่วยงาน มันก็เลยมีการแบ่งหน้าที่ค่อนข้างชัดเจน ว่าใครทำครัว ใครรับแขก ใครทำดอกไม้ นุ่นว่าแม่เขาจัดสรรมา คือพอแม่เสีย ทุกคนรู้ว่าแม่เสีย เหมือนแม่ให้เวลาเขาทำใจ เท่าที่นุ่นประเมิน นุ่นว่าญาติทุกคนเสียใจ แต่ทุกคนรับรู้ว่าท่านไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้ได้คือทำสิ่งตรงหน้า ทำให้ร่างกายของเขาไปดีที่สุด สมเกียรติที่สุดเหมือนตอนที่เขาอยู่”

คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้นุ่นก็พาคุณพ่อเข้าวงการบันเทิง(ยิ้ม) ตอนแรกนุ่นคิดว่าท่านจะเกษียน และอยู่กับเราแล้ว แต่คุณพ่อนุ่นท่านเพิ่งได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษา อาจจะต้องดูอีกที แต่ตอนนี้คุณพ่ออยู่กับนุ่นที่กรุงเทพ เราก็พาท่านมาคลายเครียดที่กองถ่าย แต่เหมือนพาท่านมาลำบาก เมื่อวานก็พาไปกองเพราะเรามีถ่ายละครกับน้ำตาล คุณพ่อก็ถามว่าน้ำตาลไหน เราก็บอกว่าน้ำตาล ที่เป็นนางงาม ท่านก็บอกว่าพ่อไปด้วย ก็กระชุ่มกระชวยเขาไป”

เรียกว่าสภาพจิตใจท่านดีขึ้นแล้ว
“เป็นบางครั้งที่ท่านจะซึมๆ บ้าง ในบางครั้งที่ไม่มีใครเอ็นเตอร์เทน ท่านก็จะนั่งคิดอะไรของท่านไป คือเราก็เคยถามท่านตรงๆ ว่าพ่ออยากไปหาหมอไหม ไปปรึกษาหมอไหมว่าจะทำอย่างไร จะอยู่อย่างไร ท่านก็จะบอกเราว่า พ่อไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พ่อแค่เป็นบางอารมณ์ คือคนมันอยู่ด้วยกันมา 40-50 ปี มันก็จะมีฟีลคิดถึง ซึ่งเราก็เข้าใจได้”

ตอนนี้รับพ่อมาดูแล
“ก็ไม่เชิง คือคนที่เพิ่งเสียคนที่รักที่สุด คือพ่อและแม่นุ่นท่านอยู่ด้วยกันมาตลอด เขาตื่นเช้ามา แม่ก็จะต้มกาแฟ พ่อก็จะไปเปิดร้าน จะให้เขาไปอยู่ที่เดิม มันเลยทำให้นุ่นไม่สามารถที่จะให้ท่านอยู่ ณ ที่เดิมได้ แต่ตอนนี้นุ่นรู้แล้วว่าท่านไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ แน่นอนว่าท่านอาจจะสลับมาอยู่กับเราได้ ซึ่งนุ่นก็ไม่มีปัญหาเรื่องนั้นอยู่แล้ว”

ตอนนี้หากิจกรรมอะไรให้ท่านทำบ้าง
“นุ่นว่ายิ่งเราหา ท่านยิ่งปวดร้าว คือเราปล่อยให้เขาเป็นเหมือนที่เขาเป็น แต่เราจะคอยอยู่ข้างๆ เขา ชวนคุย ท่านอยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำ แต่ขอให้บอก แล้วเราก็พาเขาไปทำ ล่าสุดก็อยากให้เขาเริ่มออกกำลังกาย ปรับกิจวัตรใหม่”

ที่ผ่านมาเราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
“ถ้าเทียบกับความเพอร์เฟ็กต์ของนุ่น มันที่สุดของที่สุดละ วันที่แม่เสีย นุ่นเสียใจ แต่ไม่ฟูมฟาย เพราะเราเต็มที่แล้ว มันหาทางของมัน และไปตามทางของมันได้แล้ว แต่อันนี้มันทางตันจริงๆ คุณแม่นุ่นไม่ได้เสียจากมะเร็งนะ แม่เสียจากอาการติดเชื้อและไวรัสขึ้นสมอง และท่านก็หลับไปเลย คือเราทำอะไรไม่ได้จริงๆ วันที่แม่ไป หมอยังให้เลือดอยู่เลย นุ่นเลยไม่เสียใจกับสิ่งที่นุ่นทำ คือเราทำสุดไปแล้ว แม้แต่งานศพคุณแม่ เราก็ทำให้ท่านเต็มที่ที่สุด ทำให้ท่านยิ้มอยู่บนสวรรค์”

หลุยส์ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง
หลุยส์ “มันเป็นอะไรที่ตอบคำถามยากเหมือนกัน คือสำหรับเรา เราต้องอยู่ตรงนั้นตลอด คอยซัพพอร์ตและสังเกตการณ์เยอะไปทั้งเรื่องคุณหมอ ทั้งเรื่องยา เรื่องครอบครัว เราก็ต้องสังเกตให้แม่นเพราะมันจะเป็นอะไรที่กระทบความรู้สึกของเขา ต้องมีวิธีคอยแก้ก่อนที่มันจะเกิด ต้องคิดเผื่อ”

 

รูปประกอบ : noonrami

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน