วันที่ 20 เม.ย. ที่สกายวอล์ค สาทร ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล นักแสดงหนุ่ม มาร่วมงาน “เผยผิวออร่า x3 กล้า…ท้าแดด กับ สก๊อต คอลลาเจน-โอร่า” จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องโพสต์รูปกับลูกชายทั้ง 2 คน น้องพูม่า กับ น้องแพนเตอร์ ลงในอินสตาแกรมถี่ ทำให้หลายคนคิดว่ากลับมาคืนดีกับภรรยาสาว ‘พลอย-พรพรรณ’ แล้วหรือเปล่า

โดยปีเตอร์ เผยว่า “หลังจากที่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ตอนนี้เราก็ใจเย็นกันมากขึ้น เริ่มคุยกันได้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะพอเราเริ่มคุยกันได้ เราก็มีเวลาให้เด็กๆ มากขึ้น ซึ่งตอนนี้เราคุยกันไว้ว่าการที่เราทะเลาะกันมันไม่ได้มีอะไรดี เพราะจะทำให้เด็กๆ เขาสับสนซะเปล่าๆ”

อะไรคือจุดที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิด
“ต้องขอย้อนกลับไปนิดหนึ่ง คือผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่ารายละเอียดอะไรมากนัก ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ขอเล่าคร่าวๆ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ สามารถควบคุมได้ แต่ว่าตอนนั้นอาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ไม่ลงตัว แต่ไม่ได้หมายความว่ามีใครถูกหรือมีใครผิด ซึ่งตอนนั้นผมเลือกที่จะถอย และถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับผม แต่หลายๆ คนกลับตีความไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งในที่สุดผมก็ต้องใช้เวลา แต่อาจจะนานมากไปหน่อย ผมขอยืนยันว่า ที่ผมถอยไม่ได้แปลว่าผมทิ้ง ตอนนี้ต่างคนต่างใจเย็นลงและได้คุยกันมากขึ้น ทุกอย่างเลยได้มาโฟกัสที่ลูกเพื่อที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้กับเขา ช่วงนี้เด็กๆ ก็ได้เจอหน้าเราบ่อยขึ้น ต่างคนก็ต่างดีใจ”

ตอนนี้กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วหรือเปล่า
“ไม่ครับ ต้องบอกว่าเรื่องระหว่างผมกับพลอยมันเลยจุดที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ซึ่งพลอยเขาก็พูดเหมือนกัน แต่เราก็คุยกันไว้ว่าเราต้องใจเย็นให้มากขึ้นเพื่อสร้างอนาคตของลูก”

เรียกว่าจบความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา แต่สถานะพ่อแม่ก็ยังคงอยู่
“ใครที่กำลังมีปัญหาครอบครัว จะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้มันขึ้นอยู่กับคนสองคนจริงๆ ครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ เราก็จะต้องทำหน้าที่พ่อแม่เพื่อลูก ยิ่งเราข้ามปัญหาที่มีระหว่างกันได้เร็วมากแค่ไหน เราก็จะยิ่งเดินหน้าได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น”

ตอนนี้ยังมีแพลนเรื่องหย่าอยู่ไหม
“อย่างที่เคยบอกครับ ตอนนี้ต่างคนต่างก็ค่อนข้างยุ่ง แต่เราก็คุยกันอยู่ว่าจะอะไรยังไงเมื่อไหร่ เพียงแค่ตอนนี้เราอยากโฟกัสเพื่อลูกก่อน”

ได้มีการตกลงยังไงบ้างเรื่องการเจอลูก
“ก่อนหน้านี้นานๆ เราจะเจอกัน แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ผมเองก็พยายามจะคุยกับพลอย บวกกับเราสองคนต่างใจเย็นกันมากขึ้น ก็เลยทำให้เราได้คุยกันว่าปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดคุยให้จบในวันนี้เลยดีกว่า จากนี้ไปเราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก เพราะเราจะได้กลับมามีเวลาโฟกัสที่ลูก ซึ่งหลังจากนั้นเราก็พยายามทั้งคู่ที่จะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น และหลายๆ อย่างก็เริ่มดีขึ้นตามมาเรื่อยๆ และพักหลังๆ พลอยเขาค่อนข้างเหนื่อย ผมก็เลยอาสาเข้าไปช่วยเลี้ยงลูกให้ อย่างช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาพี่เลี้ยงของเด็กๆ เขาลากลับบ้าน ผมก็เลยขอเข้าไปเลี้ยงลูกแทน ซึ่งพลอยเขาก็โอเค คือตอนนี้ผมคิดว่าต่างคนก็ต่างน่าจะรู้สึกเหมือนกันว่า เราอยู่ด้วยได้ และทำหน้าที่ของพ่อและแม่ให้ดีที่สุด”

แสดงว่าตอนนี้เรากับพลอยก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
“ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นครับ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็คิดว่าเราจะทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้ดี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก”

ตอนนี้ยังมีแพลนเรื่องขายบ้านอยู่ไหม ?
“ตอนแรกผมก็คิดว่าจะขายบ้านครับ แต่ด้วยช่วงนี้พอมีงานเข้ามามากขึ้น ก็เลยคิดว่าจะเก็บบ้านนี้ไว้ให้ลูกดีกว่า แต่บ้านหลังนี้ผ่อนเดือนหนึ่งเป็นหลักแสนนะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะพอสมควร ผมกับพลอยก็เลยยังคุยๆ กันอยู่ถึงเรื่องนี้ แต่บ้านยังเป็นชื่อผม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านเราสองคนไม่ได้คุยกันเป็นกิจลักษณะว่าต่อเดือนต้องให้เท่าไหร่ ถ้าเดือนไหนมีเยอะผมก็ให้เยอะ เดือนไหนมีน้อยผมก็ให้น้อย””

พอมีคลิปและภาพของเรากับครอบครัวออกมา หลายคนก็บอกว่าอยากให้มีภาพแบบนี้อีกบ่อยๆ
“ผมคิดว่า ผมกับพลอยน่าจะยังคุยกันได้นะ ผมดีใจมากที่ตอนนี้เราคุยกันแบบใจเย็น คุยกันแบบมีเหตุผล ค่อยๆ คุยกัน แถมตอนนี้ผมยังมีโอกาสได้เข้าไปหาลูกเรื่อยๆ ด้วยครับ ถามว่าช่วงที่เราห่างจากลูกไป พอได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งลูกๆ มีท่าทียังไงบ้าง ก็คิดถึงมากเป็นพิเศษเลยครับ กระโดดกอด ขี่คอ ส่วนตัวผมเองก็น้ำตาจะไหล ผมคิดว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ต้องเข้าใจความรู้สึกนี้ครับ”

ช่วงที่เราหายไปตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่
“มันก็กดดันนะครับ เพราะลูกๆ โตกันเร็วมาก ความผูกพันที่มีต่อลูกมันพิเศษ ไม่ว่าจะได้เจอหรือไม่เราก็คิดถึงกันตลอด ช่วงที่ตัดสินใจออกจากบ้านมันยากมาก แต่ก็ทำให้ผมได้มีเวลาทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง และก็ยอมรับว่าตอนนั้นผมมีความติสก์สูงมาก ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่แค่พยายามคิดอะไรให้มันกว้างมากขึ้น”

พอได้ทลายกำแพงนี้ไปทำให้เราสบายใจมากขึ้นไหม
“มันเหมือนเรายอมรับอะไรหลายๆ อย่างได้ ตัวเราก็เลยสามารถข้ามปัญหานั้นๆ ได้ ซึ่งปัญหาแต่ละเรื่องมันก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน”

ถ้าย้อนกลับไปได้เราอยากจะแก้ไขอะไรไหม
“การที่คนเป็นสามีภรรยาต้องแยกจากกันมันเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจมากครับ ถ้าย้อนกลับไปมันอาจเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริงๆ เราสองคนก็เปรียบเหมือนลิ้นกับฟันล่ะครับ”

ตอนนี้เรามีรักใหม่แล้วหรือยัง
“ผมคิดว่าตอนนี้รักแค่ลูกก็พอแล้วแหละ ผมคิดว่าอาจจะเปลี่ยนไปชอบผู้ชาย (หัวเราะ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน