‘แต้ว’ ชีวิตไม่แน่นอน

ลุ้นรัก14ปี – หยุดหรือไปต่อ

‘แต้ว’ – คบหากับแฟนหนุ่มดีเจ ‘ต้น’ อาชว์ ไหลสกุล มา 14 ปี กำลังจะเข้าปีที่ 15 แล้ว สำหรับนางเอกสาว ‘แต้ว’ ณฐพร เตมีรักษ์ แต่พักหลังดูความรักของทั้งคู่นิ่งๆ แผ่วๆ ชอบกล

วันนี้เลยขอมาอัพเดตสเตตัสความรักของสาวแต้วกัน

‘แต้ว’

ช่วงนี้หลายคนรู้สึกว่าทำไมคู่เราดูนิ่งๆ เงียบๆ จังเลย?

แต้ว – “(หัวเราะ) อืม…ก็โอเคค่ะ เหมือนเราก็มีความเป็นเพื่อนกันมาอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ก็เหมือนแบบมีความต้องจูนต้องอะไรกันนิดนึง มันเป็นช่วงปรับๆ สำหรับ คู่เราคบกันมา 14 ปี กำลังจะเข้าปีที่ 15 แล้วค่ะ”

‘แต้ว’

คบมาขนาดนี้พอบอกว่ากำลังต้องปรับจูนกันอยู่ หลายคนจะรู้สึกว่าเอ๊ะ! อยู่ในช่วงกำลังมีปัญหาหรือเปล่า?

แต้ว – “คือที่ผ่านมามันไม่ค่อยมีปัญหา อ่ะค่ะ ด้วยความที่เราก็ทำงานของเรา เขาก็ทำงานของเขา แล้วเราก็ซัพพอร์ตกัน แต่เหมือนแบบพอเราเริ่มมองถึงอนาคตมากขึ้น เลยทำให้เรากลับมาคิดว่าจริงๆ แล้วมันอะไรยังไงกันแน่ เพราะว่ามันก็ด้วยความที่นานแล้วด้วย บวกกับหลายๆ อย่าง เลยคุยกันมากขึ้นเรื่องนี้”

ความที่คนลุ้นและเชียร์คู่เราเยอะมาก สมมติถ้าวันข้างหน้ามันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น กลัวว่ากระแสตีกลับอะไรมาถึงตัวเราไหม?

แต้ว – “แต้วคิดว่าทุกอย่างก็เป็นกระแสได้หมดอยู่แล้วนะคะ ถ้ามันจะเกิดอะไรก็ให้มันเกิด แต่เราก็ไม่ได้ไปกลัว เพราะสุดท้ายแล้วมันคือชีวิตของเรา ชีวิตของเขา ที่เราจะหวังดีต่อกัน แล้วเราก็จะตัดสินใจไปในสิ่งที่น่าจะดีกับทั้งคู่ที่สุด”

 

14 ปีที่คบกันมา มีอารมณ์เบื่อหน่ายหรืออิ่มตัวกันบ้างไหม?

แต้ว – “มันก็มีบ้างนะคะ แต่เราก็พยายามหาทางออกอยู่เสมอๆ ทุกวันนี้ก็คบกันแบบสบายๆ ไม่ได้คาดหวังซึ่งกันและกันขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้มากะเกณฑ์เราว่าเราต้องทำอะไร หรือเราไปกะเกณฑ์อะไรเขา ต่างคนก็ต่างให้อิสระกัน แล้วก็มีอะไรนึกถึงกันก็โทร.หากันค่ะ”

วาเลนไทน์ที่ผ่านมานิ่งมากเลยเนอะ?

แต้ว – “(หัวเราะ) คือตอนนั้นทำงานด้วย แล้วก็แบบเราเป็นคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับวาเลนไทน์ขนาดนั้นอยู่แล้วด้วย มันก็เลยนิ่งๆ แบบนั้นด้วย ประกอบกับมันมี ท็อปปิกอะไรนิดหน่อย เลยนิ่งๆ ไป เอาจริงๆ ก็มีคนถามเยอะหมือนกัน หลายคนก็แบบอื้ม…ถ้าไม่ลงวาเลนไทน์นี่นะ ต้องมีอะไรแน่เลย (หัวเราะ) ซึ่งเราก็แบบอ่ะๆๆ ก็ตามฟีลลิ่งเราอ่ะเนอะ”

 

ทุกวันนี้ยังใช้คำว่าแฟนกันอยู่ใช่ไหม?

แต้ว – “ตอนนี้ก็เหมือนเป็นเพื่อนๆ กันอ่ะ คือ…แต้วต้องพูดอย่างนี้จริงๆ เพราะว่าเรารู้สึกกับเขาแบบนี้ แต่ว่าเรายังมีความผูกพันกันอยู่ ทุกวันนี้เขาเป็นมากกว่าเพื่อนด้วย เหมือนเป็นครอบครัวของเราเลย”

ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าเกิดมีคนอื่นเข้ามาจีบแต่ละฝ่ายล่ะ จะจัดการตัวเองยังไง?

แต้ว – “แต้วว่าที่สุดแล้วคือเราต้องคุยกันว่าอะไรแค่ไหน เพราะที่สุดแล้วมันไม่ใช่ว่าเราจะไม่แคร์คนอื่น เราก็แคร์ แต่ว่าเราต้องแคร์ความรู้สึกของคนของเรา คนที่ใกล้ตัวเรามากกว่าอะไรอย่างนี้ค่ะ ทุกวันนี้ก็คุยกันเรื่องนี้อยู่ มันเหมือนกับมันมีปัญหาบ้างแหละ แต่ว่าเหมือนเรากำลังหาทางออก”

ความที่ตอนนี้ตัวเราอยู่ในจุดที่โตขึ้น มีโอกาสได้เจอคนมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีทางเลือกมากขึ้นหรือเปล่า?

แต้ว – “ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยวนะคะ เอาจริงๆ มันเหมือนกับเราก็ดูที่ใจเราเลยว่าชีวิตที่เหลือซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะมากน้อยแค่ไหน แล้วก็ความแฮปปี้ในวันนี้ว่ามันอยู่กับอะไร ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เรื่องการงาน เรื่องอะไรก็ตาม เราไม่ได้คาดหวังอะไรว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราพยายามจะอยู่กับความสุขตอนนี้เพราะว่าชีวิตมันไม่ได้แน่นอน ถ้าสมมติวันหนึ่งเราแบบไม่ได้ไปต่อ มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องแบบไม่ชอบกัน แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีและหวังดีกันมากๆ แต่ว่าทุกวันนี้มันก็ยังไม่ได้สรุปแบบนั้นซะทีเดียว”

 

14 ปีเป็นตัวเลขที่เยอะมาก ถ้าเกิดไม่ได้ไปต่อจะไม่เสียดายใช่ไหม?

แต้ว – “ต้องเสียดายอยู่แล้วค่ะ (ยิ้ม) เขาก็ดี ไม่รู้อะ…ก็ต้องค่อยๆ แก้ไขกันไปว่ามันจะมีทางออกยังไง ที่คุยมาทั้งหมดตอนนี้อยู่ในภาวะที่ค่อยๆ แก้ปัญหากันไป ยังไม่ได้เป็นคำตอบว่าเลือกแล้วไปทางใดทางหนึ่ง ยังประคองกันอย่างนี้ไปได้อยู่ วันหนึ่งถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น คือเราจะต้องเอาความรู้สึกมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่าเราจะไม่ทำร้ายคนที่เรารัก เราก็อยากให้ทุกๆ คนมีความสุข ถ้าจะไปต่อทั้งคู่ก็ต้องแฮปปี้อะไรอย่างนี้”

แพลนเรื่องแต่งงานนี่ไกลตัวมากเลยสิ?

แต้ว – “ถ้าเคยสัมภาษณ์กันมา ก็จะรู้ว่าเราไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย (หัวเราะ) ไม่เคยคาดหวัง ไม่มีแบบในจินตนาการด้วย เพราะว่าเราก็เห็นกันเป็นเพื่อนกันมาตลอดเลย”

ความรักคืออะไร?

แต้ว – “ความรักคือการที่เราเข้าใจกัน ซึ่งมันยากนะกับการจะหาคนที่เข้าใจกัน เพราะพ่อแม่เขาเห็นเรามา เขารู้จักตัวเราดีกว่าเรา เขาเข้าใจเรา อันนี้คือเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ ที่แบบเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับคนคนหนึ่งเลย เพียงแต่ว่าเราพร้อมที่จะเข้าใจ พร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่เป็นข้อเสียของกันและกันได้ แต้วว่าสุดท้ายแล้วความรักมันคืออะไรๆ แบบนี้ พร้อมที่จะเข้าใจและเสียสละค่ะ”

 

นางเอกครบเครื่อง-ชีวิตการทำงานท้าทาย

 

เพิ่งได้ลองถ่ายทอดบทบาทตัวละคร 3 ยุค 3 คาแร็กเตอร์ ในละคร “เล่ห์บรรพกาล” ทางช่อง 3 โดยนางเอกสาว ‘แต้ว ณฐพร’ เผยว่า “ตรงนี้เหมือนเป็นความท้าทายค่ะ”

โดยเผยถึงความแตกต่างในคาแร็กเตอร์แต่ละตัวว่า “ยุคปัจจุบันรับบท ดร.สิตางศุ์ จะเป็นคนวิชาการจ๋า รักคุณลุงมาก เชื่อลุงทุกอย่าง ส่วนยุครัชกาลที่ 5 รับบท ดวงแข เป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่หน่อย ดูอ่อนข้างนอกแต่แข็งข้างใน ไม่ได้หมายถึงดื้อ แต่เข้มแข็งในจิตใจ เชื่อในรักแท้และมั่นคงในความรัก ส่วนยุคพันปี รับบท นางพญาศศิณา มีความแข็งแบบนักรบ มีความสามารถในการยิงธนู ไม่เชื่อในความรักขนาดนั้นจนมาเจอพระเอก ซึ่งตัวที่ยากที่สุดคิดว่าเป็น นางพญาศศิณา ด้วยเราไม่มีเรเฟอเรนซ์อะไรที่จะเป็นคนในยุคนั้น ก็ต้องจินตนาการขึ้นมา บวกกับเรื่องการบู๊”

 

ต้องไปเรียนคิวบู๊ด้วยไหม “มีค่ะ เรียนยิงธนู ก่อนจะไปถ่ายก็ถามพี่ฟิวส์ (ผู้กำกับฯ) เลยว่าจะรอดมั้ย เพราะตัวละครเก่งเรื่องธนูมาก เหมือนมู่หลานอ่ะ (หัวเราะ) พี่ฟิวส์ก็ให้เต็มที่เท่าที่ทำได้”

ครั้งนี้กลับมาร่วมงานกับ ‘เจมส์ จิรายุ’ อีกครั้ง หลังเจอกันใน “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ซึ่งสาวแต้วว่า “ไหลลื่นดีค่ะ เหมือนยิ่งสนิทกันมากขึ้น กล้าที่จะแชร์ความคิด”

ร่วมงานกับพี่ป๋อ (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ครั้งแรกด้วย มีโอกาสแชร์อะไรกันไหม เพราะพี่ป๋อชื่นชมแต้วไม่น้อย “เขาคงเห็นในความตั้งใจ เราดูผลงานเขามาเยอะ เป็นแฟนตั้งแต่ ทองเนื้อเก้า ตอนนั้นรู้สึกว่าวันหนึ่งอยากเข้าฉากกับพี่ป๋อ แล้ววันนี้ก็ได้มาเข้าจริงๆ รู้ว่าพี่ป๋อเป็นคนเฮฮาประมาณหนึ่ง แต่อาจไม่เคยเห็นในมู้ดการทำงาน ซึ่งเขาก็ยังเฮฮาอยู่ แต้วชื่นชมที่เขาบาลานซ์ในการที่สนุกกับการทำงานด้วยและจริงจังด้วยในเวลาเดียวกัน น่าจะเป็นฟีลคล้ายๆ พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์) เราเลยยิ่งรู้สึกชื่นชมและเอฟซีค่ะ(หัวเราะ)”

นอกจากเรื่องนี้มีเรื่องไหนที่ถ่ายทำอยู่อีกบ้าง แต้วเผยว่า “เกมล่าทรชน ค่ะ ละครบู๊เต็มๆ อะไรที่ทำให้ห้าวหาญมารับละครบู๊ คือความไม่เจียมค่ะ (หัวเราะ) อาจด้วยรู้สึกตัวเองแข็งแรงประมาณหนึ่งแล้ว น่าจะได้ แต่ก็เคานต์ดาวน์มากกว่าจะเปิดกล้อง มันลุ้นเพราะได้ยินกิตติศัพท์และเห็นฉากบู๊ของหลายๆ คนที่ว่าพี่นก (ฉัตรชัย) จริงจังขนาดไหน คือเขาจะเคี่ยวเข็ญ เลยรู้สึกว่าน่าจะได้แหละ ก็พยายามทำเต็มที่และอยากทำให้ดีขึ้น”

รู้สึกได้ว่าเป็นคนชอบลองชอบเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่แค่การแสดง “ทุกอย่างที่ทำเป็นสิ่งที่ชอบ อย่างเรื่องเต้นอยากเรียนตั้งแต่เด็ก รู้สึกตัวเองน่าจะเรียนรู้ได้ แล้วก็มีโอกาสให้ตั้งแต่คอนเสิร์ตพี่เบิร์ด รู้สึกสนุกและได้ประโยชน์กับตัวเอง ส่วนตัวมองว่าถ้าเราสนใจอะไรก็ลองทำเลย จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ อีกอย่างจะรู้สึกว่าคนอื่นทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ มีความคิดนี้ในทุกอย่าง แล้วก็ต่อยอดในเรื่องงานได้ด้วย แต่ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นว่าเรามาเต้นเพื่อจะได้งาน แค่รู้สึกสนุกกับการทำ แล้วกลายเป็นว่าโอกาสใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาให้ทำเยอะขึ้น ทำให้ชีวิตการทำงานมีความท้าทาย”

ความที่ทำอะไรได้หลายอย่างและทำได้ดีด้วย คนเลยยกให้เป็น “นางเอกครบเครื่อง” “ไม่ได้รู้สึกตัวเองครบเครื่องเลยค่ะ แค่บางทีมีโอกาสให้ทำ แล้วรู้สึกอันนี้เราได้ พอเริ่มทำอะไรที่รู้สึกอินก็จะพาไปเรื่อยๆ เอง แต้วเชื่อว่าทุกคนมีมายด์เซ็ตนี้เหมือนกัน แต่บางทีแต้วอาจดูเหมือนทำหลายอย่าง คนเลยมองเป็นแบบนั้น”

มองตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการ จนถึงวันนี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง “มีแน่นอนค่ะ ณ ตอนนี้เราจะเหมือนเข้าใจกระบวนการการทำงานมากขึ้น แต่สิ่งที่เรารู้สึกอยากให้กลับไปเป็นเด็กคนนั้นอีก คือความที่เรายังอยากมองเห็นอะไรที่อยากทำความเข้าใจมากขึ้น ไม่อยากจะรู้สึกว่ารู้ไปซะทุกอย่าง เพราะถ้าเรายังเปิดช่องว่างให้เรายังอยากรู้อยากเห็นอยู่ มันน่าจะสนุกกับการทำงานมากขึ้น”

จิรณัฏฐ์จงประสพมงคล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน