วันที่ 4 ก.ค. ที่ ร้านอาหาร Quaint สุขุมวิท 61 ต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ดีเจ.สาวชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวสุดยอดการแข่งขันบาริสต้า “The Maestro Barista Challenge 2017” อัพเดตเรื่องที่ไปแจ้งความกรณีมีคนโรคจิตบุกขึ้นไปถึงหน้าห้องที่คอนโดฯ ส่วนตัว

 

โดย ‘ต้นหอม’ กล่าวว่า “คดีตอนนี้ คู่กรณีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งก็จะเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องไปหาหลักฐานมาว่าคู่กรณีทำผิดจริงมั้ย ทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ส่วนตัวหอมตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของความหงุดหงิดแล้วที่มันไม่จบสักที จริงๆ สิ่งที่หอมต้องการไม่ได้ต้องการเงินหรืออะไรเลย แต่ต้องกายให้กฎหมายคุ้มครองตัวเราว่าเขาจะไม่เข้าใกล้หอมอีก เอาจริงๆ ถึงญาติเขาจะการันตีว่าเขาจะไม่ทำอันตราย แต่มันก็ทำให้หอมยังมีความกังวลใจอยู่ดี คือถ้าเป็นไปได้ไม่เจอกันมันดีที่สุด”

 

ทางคู่กรณีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยให้เหตุผลว่าอะไร ทั้งที่เขาบุกขึ้นไปถึงหน้าห้องคอนโดฯ ดีเจ.ชื่อดังกล่าวว่า “การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บอกมา เป็นหน้าที่ของเราต้องหาหลักฐานมายันว่า ทางฝ่ายนั้นทำผิด ยังต้องตรวจสอบเป็นขั้นตอนตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าทางเจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานอะไรจากหอม เลยยังไม่อยากพูดอะไรมากเพราะยังไม่มีบทสรุป”

กังวลไหมว่าสุดท้ายแล้วจะทำอะไรกับคู่กรณีไม่ได้ ต้นหอม กล่าวว่า “กังวลอารมณ์ตัวเองมากกว่า ถ้าเกิดเขายังมาอีกแล้วถ้าหอมหงุดหงิดมากๆ อาจจะฟิวส์ขาดได้ เลยพยายามไม่ให้มีอะไรรุนแรงกับตัวเรา
อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นคนบ้า แค่อาจจะมีความผิดปกตินิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนก่อน ณ วันนี้ยังไม่เจอกันหอมก็โอเคสบายใจ ตอนนี้รปภ.ทั้งที่คอนโดฯ และที่แกรมมี่ก็จะมีรูปของคนคนนี้ติดเอาไว้ ทางผู้ใหญ่หรือแม้แต่พี่ฉอด (สายทิพย์) เองจะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของพนักงานบริษัท เนื่องจากแกรมมี่เป็นบริษัทใหญ่และมีศิลปินอยู่เยอะ ซึ่งจะมีอะไรแบบนี้มาตลอด ปกติที่ผ่านมาจะเกิดกับศิลปินผู้ชายมากกว่า คราวนี้พอเป็นศิลปินผู้หญิงเขาก็จะกังวลเป็นพิเศษค่ะ”

 

 

ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำเคสในลักษณะนี้ไหม ต้นหอมบอกว่า “มีคนติดต่อมาให้ความช่วยเหลือเยอะค่ะบอกว่าถ้ามีปัญหาปรึกษาเขาได้ เพียงแต่ว่า ณ วันนี้มันยังเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยังไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าวันนึงมีปัญหาอะไรเดี๋ยวหอมอาจจะต้องรบกวนผู้รู้หน่อย”

 

ย้อนถามถึงวันที่ไปแจ้งความ แฟชั่นที่เจาะจมูกไปก็มีคนคอมเม้นต์ว่าเหมือนวัวเหมือนควาย ตรงนี้รู้สึกยังไงบ้าง ดีเจ.สาวคนเดิมตอบว่า “หอมไม่ได้รู้สึกว่าการคอมเม้นต์เดี๋ยวนี้มันแรง แต่รู้สึกว่าเหมือนชีวิตของเราตอนนี้กลายเป็นคนของประชาชนไปหมด ไม่ใช่แค่คอมเม้นต์ว่าเหมือนวัวเหมือนควายอย่างเดียว แต่ก็ยังมีที่คอมเม้นต์ว่าไม่ชอบเอาออกได้มั้ย คือเหมือนกับเขาไม่ชอบสไตล์นี้ แล้วพอหอมทำเขาก็เลยรู้สึกว่ามันผิดไปหมด เลยรู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้ใครก็ตามที่ทำอะไรไม่ถูกใจเราคนนั้นคือผิด แต่หอมอยากจะบอกว่ามันไม่ใช่นะคะ เพราะสังคมที่อยู่ร่วมกันมีคนหลากหลายมาก การที่ใครสักคนหนึ่งไม่เหมือนเราเขาไม่ได้ผิด เขาแค่ไม่เหมือนเราเท่านั้นเอง แล้วเรื่องของแฟชั่นมันเป็นอะไรที่เปิดกว้าง การที่ใครจะแต่งตัวเป็นอะไรก็ตาม หอมว่าเราลองหากรอบให้ตัวเองหน่อยมั้ย นั่นคือไม่ก้าวล่วงเขามากจนเกินไป สมมุติว่าถ้าวันนี้แฟชั่นของหอมจะหลุดโลก หอมถามว่าวันนี้มีใครเดือดร้อน คือถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็น่าจะโอเค ฉะนั้นอย่าดราม่า มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องเก็บปัญหาของคนอื่นมาคิดในหัวสมองตลอดเวลา”

 

“หอมไม่ได้ใส่ใจกับคอมเม้นต์พวกนี้เลย เพราะไม่ได้มีผลกับคนอย่างต้นหอมแน่ๆ อย่างตอนที่มีคนคอมเม้นต์มาหอมก็ตอบแค่ว่า “จมูกหอม”(หัวเราะ) คือไม่ได้โกรธเพราะเข้าใจว่าคนมีหลากหลาย แค่อยากเตือนสติทุกคนว่าอยู่ในกรอบที่ไม่ก้าวก่ายกันมากจนเกินไปดีมั้ย”

 

คำว่า “เหมือนวัวเหมือนควาย” ไม่ได้รู้สึกว่าแรงไปใช่ไหม ต้นหอม กล่าวว่า “ไม่รู้สึกค่ะ ถามว่าคอมเม้นต์มาจากคำพูดจากปากใครมันจะคืนกลับคนนั้น เขาพูดดีคนก็จะชื่นชมเขา คือการมาคอมเม้นต์แบบนั้นอาจจะเป็นอคติ ถ้าเขาไม่ชอบหอม ฉะนั้นทำอะไรก็ผิดค่ะ”

 

“อย่างคลิปหอมกับพี่บอย (พิษณุ) ที่ลงในไอจีก็มีคนเข้ามาดราม่าอย่างนั้นอย่างนี้ หอม ว่าดราม่าบางอย่างมันเยอะเกินไป ซึ่งหอมจะไม่เก็บทุกเรื่องมาคิด หอม กับพี่บอย ก็สนิทกันมาก เล่นกันแกล้งกันแบบนี้อยู่แล้ว ถามว่าทุกวันนี้ลงรูปหรือลงคลิประวังมั้ย ก็ระวังนะคะ แต่ถ้าจะให้ต้องมาระวังทั้งหมดของชีวิตไม่เอาดีกว่าเพราะชีวิตมันไม่สนุกค่ะ” ต้นหอมกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน