สุรชัย สมบัติเจริญ ควง ดิ๊งค์ กมลชนก ลูกสาวคนเล็ก เล่าโมเมนต์พ่อลูกสุดน่ารัก หวงหนัก เผยเจอพิษ ‘โควิด’ เครียดหนีไปบวชชี

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานาน สำหรับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สุรชัย สมบัติเจริญ ซึ่งวันนี้ควงลูกสาวคนเล็ก “ดิ๊งค์” กมลชนก เคลียร์ทุกประเด็นข่าว รักลูกไม่เท่ากัน หวงลูกสาวหนัก แถมช่วงโควิดที่ผ่านมาลูกสาวคนเล็กเครียดจัด ถึงกับโกนผมบวชชี ในรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, ธัญญาเรศ เองตระกูล และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร

มีลูกกี่คน?

สุรชัย : ผมมีลูก 4 คน คนโตเป็นลูกชาย อีก 3 คนเป็นผู้หญิง น้องดิ๊งค์เป็นลูกคนเล็ก ช่วงที่เขาเกิดมา เรามีเวลาให้เขามากสุดก็เลยดูเหมือนสนิทสุด

คุณพ่อดุไหม?








Advertisement

ดิ๊งค์ : อาจจะเห็นเขาไว้หนวดแบบนี้ ดูขรึมๆหน่อย แต่จริงๆแล้วคุณพ่อน่ารักมาก เฮฮา และไม่ดุเลย

ลูกคนอื่นน้อยใจพ่อรักลูกไม่เท่ากัน?

สุรชัย : ไม่ใช่หรอก คือตอนเขาเด็กๆ เราไม่ค่อยมีเวลาให้เขาไง เราต้องไปร้องเพลง เดินสายเป็นเดือนๆ ความสนิทก็เลยน้อยลงไปนิดหนึ่ง อย่างที่รู้ อยู่ว่านักร้องลูกทุ่งไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ว่ามีครอบครัวแล้ว ถามว่าผมบอกว่ามีครอบครัวเมื่อไหร่ คือไม่ต้องบอกหรอก เขารู้กันเอง

ดิ๊งค์ติดพ่อขนาดไหน?

ดิ๊ง : ดิ๊งติดพ่อ เราสนิทกับพ่อ เรามีความชอบเหมือนกัน ทานอาหารเหมือนกัน เสาร์อาทิตย์เราก็จะไปดูหนังกัน ถามว่าสนิทกับพ่อมากกว่าแม่มั้ย คือต้องดูก่อนว่าคุยกับคุณพ่อเรื่องไหน อาจจะคุยกับคุณพ่อเรื่องแอคทิวิตี้ ส่วนคุณแม่ก็จะคุยเรื่องเรียนเรื่องงานเสียส่วนใหญ่ ถามว่าคุยกับใครมากกว่ากัน ดิ๊งค์ว่าคุยพอๆ กันแหละ แต่ด้วยความที่เราเป็นลูกสาว เราก็จะคุยกับคุณแม่บ้าง

ที่สนิทกับลูกสาวคนเล็กเพราะเธอขี้อ้อนใช่ไหม?

สุรชัย : คือปฎิเสธนางไม่ได้เลย ก็ต้องดูว่านางอยากจะได้อะไร แต่เขาก็ไม่ค่อยรบกวนอะไรเราเพียงแต่ว่าถ้าพี่เขาอยากจะได้อะไรก็จะรบกวนให้เขาหาแทน

ดิ๊งค์ : หนูจะเป็นทางผ่านของพี่ๆ คืออาจจะเป็นเพราะเราสนิทกับคุณพ่อ เราเจอคุณพ่อบ่อยกว่า

เลี้ยงลูกอย่างไรได้ข่าวว่าไม่เคยตีลูกเลย?

สุรชัย : ผมเคยตีคนโตตีแค่ครั้งเดียวด้วยหวี คือเขาไม่ยอมทำการบ้าน เราก็ตีเขาด้วยหวีจนฟันหวีหักหมดเลย ลูกก็ร้องไห้ ส่วนผมไม่ได้ร้อง

เห็นว่ามีลูกคนหนึ่งทานยาลดความอ้วนเยอะมา?

สุรชัย: เป็นลูกสาวอีกคนหนึ่ง คือช่วงนั้นที่เราเจอว่าเขาติดยาลดความอ้วนเพราะเขาเปลี่ยนไป จากที่เคยสนุกสนาน ก็จะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวเยอะ คืออารมณ์เขาจะเปลี่ยนไป ตอนแรกคิดว่าติดยาเสพติด พอไปค้นก็เลยเจอคลังยาลดความอ้วน เราก็เลยไปขอร้องเขา โชคดีที่เขาสามารถเลิกได้ คือเขาก็มีอาการหลอนบ้างแต่เรากู้ทัน แต่ถ้าเราปล่อยไปอีกสักระยะก็จะแย่เหมือนกัน แต่ที่เราโกรธก็คือทำไมหมอถึงได้ขายยาให้กับเด็กที่อยู่ชั้น ม.4 ม.5

มีวิธีบอกลูกอย่างไร?

สุรชัย : ก็ช่วยกันดูแล ประคบประหงมกันเกือบปี ส่วนดิ๊งค์จะเป็นฝ่ายฟ้องเวลาเขาไปซื้อยาถ่าย คือเราก็เป็นห่วง อย่างลูกของเพื่อนเขาก็กู่ไม่กลับ คือเขาจะเอ๋อๆ ไปเลย ก็อยากจะบอกเป็นอุธาหรณ์ให้กับทุกๆคนว่า เราอาจจะรู้สึกว่าลูกเราโอเค แต่เขาอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อยากจะฝากบอกคุณหมอด้วยว่า ถ้าเด็กๆไม่มีวุฒิภาวะในการไปหาหมอเอง ก็ควรจะให้ผู้ใหญ่เข้าไปดูด้วย คือบางทีเด็กๆ คิดว่าเขาเอาอยู่ มันแค่ยาลดความอ้วน ไม่เป็นไร เขาแข็งแรง คือบางคนก็บาดเจ็บกับเรื่องนี้มาเยอะ บางคนก็อาจจะเสียชีวิต

อาจจะดูเป็นคนใจดี แต่จริงๆ แล้วเป็นคนเข้มงวดกับลูกๆ เรื่องร้องเพลงมาก?

สุรชัย : ตัวผมเองก้าวเข้ามาเป็นนักร้องด้วยความไม่รู้ตัว คือตอนแรกจะให้พี่ชายเข้ามาเป็น แต่เมื่อพี่ชายเขาไม่ชอบ แล้วเรารู้สึกว่าบ้านเรา พ่อเรามีชื่อเสียง สืบทอดงานเพลงมา ผมก็ถามแม่ว่าทำไมเราถึงไม่ตั้งวงดนตรี แม่ก็ถามผมว่าแล้วใครจะร้อง เราก็บอกว่าก็ให้พี่ชายร้องไง แต่พี่ชายก็บ่นว่าแกไม่รู้หรอกว่าการร้องเพลงเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ไปร้องเพลงแล้วจะมีคนมาชอบ มันไม่ใช่ง่ายๆ มันต้องนอนกลางดิน กินกลางทราย เพราะสมัยก่อนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว มันไม่ได้สะดวกสบายแบบนี้ เวลาไปไหนต้องเดินทางด้วยรถบัสเมล์แดง มันไม่มีแอร์บัส คือเราก็รู้สึกว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ ก็เลยบอกพี่ไปว่าถ้ายูไม่ร้อง ไอร้องก็ได้ คือคือตอนนั้นเราทำเพลงไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แต่เราเป็นคนทำหน้าที่คนดูแลไม่ได้เป็นคนร้องเพลง เราก็ไปหาเพลงให้พี่ชาตรี ศรีชล แต่งเพลง คือแต่งเพลงให้แม่ด้วย ให้พี่ชายด้วย เพื่อจะทำวงดนตรีขึ้นมา นอกจากนี้ผมก็ไปตามสถานีวิทยุ ไปจัดเพลงวิทยุ คือเราก็ไปทำหน้าที่เหมือนที่พ่อเคยทำ สุดท้ายก็บอกพ่อว่าถ้าพี่ไม่ร้องผมจะร้องเองละกัน คนมิกซ์เสียงก็ส่ายหน้าเพราะเราร้องเพลงไม่เป็น คือร้องได้แต่ร้องเพี้ยน

เมื่อก่อนร้องเพี้ยนแล้วฝึกร้องเพลงอย่างไร?

สุรชัย : ผมก็ไม่มีครูหรอก เราก็ฝึกโดยการฟังเพลงพ่อเยอะๆ คือสมัยนั้นทรานซิสเตอร์หาเปิดฟังยากมาก เทปคาสเซ็ทก็ราคาแพง ไม่มีปัญญาซื้อ

ดิ๊งค์ : พ่อสอนดิ๊งค์แบบนี้เหมือนกันคือฟังเยอะๆ ช่วงแรกๆ เราไม่เข้าใจ เราฟังก็รู้สึกเพลงก็เหมือนเดิม แต่พอเราฟังไปเรื่อยๆ เวลามันทำให้เราพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็มาถามพ่อว่าเสียงต้องเกาะเขาแบบนี้ใช่มั้ย เราต้องฟังแบบใคร เราต้องฟังแบบนักร้องคนไหน

 

พ่อดังมากดิ๊งค์กดดันไหม?

ดิ๊งค์ : กดดันมากไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ร้องเพลงหรือใดๆ ก็ตาม คือเรามีคำว่า สมบัติเจริญ พ่วงท้าย เรามีความกดดันค่อนข้างสูง แต่บนความกดดันเราจะมีกำลังที่เราเจอ เขาจะพูดถึงพ่อของเรา คุณปู่เรา คือเราดีใจแทนคุณพ่อด้วยซ้ำที่มีแต่คนรัก มีแต่คนพูดถึง ส่วนตัวหนูเอง หนูก็ภูมิใจนะ คือเวลาตอนที่หนูไปโรงเรียน ทุกวันตอนเช้าหนูจะไปแกะแบงค์ ซึ่งเป็นแบงค์จากมาลัยที่พ่อไปร้องเพลงเมื่อคืน คือเราก็ภูมิใจที่เราได้ใช้ตังค์จากเหงื่อพ่อ เป็นตังค์ที่พ่อไปร้องเพลงมา คือเราก็แฮปปี้

ช่วงหนึ่งดิ๊งค์หนีไปบวชเกิดอะไรขึ้น?

ดิ๊ง : ช่วงนั้นเป็นเดือนสิงหาคม เป็นช่วงโควิดกำลังเข้มๆ คือเราเพิ่งเรียนจบโทมา 2 ใบ แล้วเราก็ทำงานด้วย แล้วเศรษฐกิจเป็นช่วงขาลง เราก็เครียดๆ ว่าเราจะไปไหนดี ทำไมเราเหมือนเป็ดจัง เราร้องเพลงก็ไม่ดีเท่าพ่อ เราทำงานก็ไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ไปคุยกับแม่ว่าเราอยากทำให้ใจนิ่ง คือเราเชื่อว่าถ้าเราใจนิ่งหนูน่าจะคิดอะไรออก ก็เลือกไปวัดแทนที่จะไปทะเลหรือไปโน่นไปนี่ เพราะพ่อจะสอนให้เราสวดมนต์ตลอด เราก็เลยคิดว่าเราไปพักสักนิดก็ดี เรื่องบวชดิ๊งค์บอกพ่อก่อนวันบวชแค่วันเดียวเอง คือดิ๊งค์ไปบวช 7 วัน ส่วนคุณพ่อเพิ่งวันท้ายๆ เรารู้สึกว่าเราอยากทำให้สุด

พอลูกสาวปลงผมบวช เรารู้สึกอย่างไร?

สุรชัย : ผมก็บอกเขาว่าไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ คือเราแค่ถือศีลธรรมดา แต่เขาบอกว่าเขาอยากทำอะไรให้สุดๆ พอเขาไปบวชเราก็รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน คือเรื่องโชคชะตา ถ้ามันตกสุดๆ

ดิ๊งค์ : เราก็กินข้าวกับเกลือ นอนบนหิน คือมันทำให้เราคิดได้ว่าเราควรคิดเรื่องเรียนอย่างไร เรื่องงานอย่างไร คือเราได้ทบทวนตัวเองแม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 7 วันแต่มันก็ทำให้เรารู้อะไรได้หลายอย่าง มันคุ้มมากจริงๆ หนูบอกกับแม่ว่า ถ้าไม่ติดงานหนูอยากจะอยู่ต่อ ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะกลับไป หลังบวช 7 วัน กลับมาเรารู้สึกว่าตัวเองนิ่ง พอเรานิ่งเรารู้สึกว่างานเกิดโปรเจ็กต์เกิด เดินหน้าต่อมีสติ คือมันชัดเจนขึ้น ความรู้สึกลังเลและไม่กล้า ตรงนั้นมันหายไปแล้ว มันทำให้เราเด็ดขาดมากขึ้น

 

ได้ข่าวว่าโควิดจะกลับมารอบ 2 ?

ดิ๊ง : คือเราก็เตรียมตัวมาบ้างแล้วคือช่วงที่ผ่านมาเราก็ต้องดูแลตัวเองทั้งด้านร่างกาย และงาน ถ้ามีเวลาก็อยากกลับไปที่วัดเหมือนกัน

เห็นเลี้ยงลูกแบบชิลๆ หวงลูกสาวคนนี้ไหม?

สุรชัย : คือผมก็เติบโตที่ต่างประเทศ ผมก็สอนเขาว่าทุกคนต้องไปเจอะเจอเองว่าสิ่งใดดำสิ่งใดขาว ก็อยากให้รู้ตัวเองก็แล้วกัน วันนี้ผมเหมือนถูกล็อตเตอรี่เพราะลูกผมไม่มีใครเกเรสักคน เราก็บอกลูกว่าให้นึกถึงนามสกุลไว้ คือถ้าเสียก็เสียถึงพ่อ ถึงปู่ย่าตายาย ยูไม่ได้เสียคนเดียว อย่างตัวผมเองถ้าจะไปทำอะไรที่ไม่ดี พอเรานึกถึงว่าเราเป็นลูกใคร มันก็ทำให้เรามีความระมันระวังตัวเองมากขึ้น

อาสุรชัยเคยบอกว่าถ้าไม่พร้อมไม่ต้องมาไหว้พ่อคืออะไร?

สุรชัย : คือเขาจะมีเพื่อนหนุ่มๆ คือเขาก็จะบอกเราว่าเป็นเพื่อน จริงๆ ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ คือถ้าเขารักใครชอบใครเราก็ไม่ว่าขอให้เรียนให้จบก่อน เรื่องมีแฟนเป็นเรื่องธรรมดาแต่ให้ดูดีๆ ผมก็พูดกับทุกคนแหละ แต่จะพูดกับดิ๊งค์มากที่สุด

เรียกว่าตอนนี้น้องดิ๊งเรียนจบแล้วพ่อไม่ปิดกั้นแล้ว?

ดิ๊งค์ : จริงๆ ก็คุยกันได้ประมาณหนึ่ง ที่ผ่านมาหนูก็มีคุยกับพ่อบ้าง คือคุณพ่อจะบอกดิ๊งค์เสมอเลยว่า ถ้าจะรักใครชอบใครก็ให้มีสติ คุณพ่อไม่ได้ว่า คือพ่อเคยพูดคำหนึ่งทำให้หนูน้ำตาไหลเลย คือคุณพ่อเคยบอกหนูว่า คือเราจะมีแฟนเป็นใคร ทำอาชีพอะไร จะเป็นมอเตอร์ไซด์ ไปรษณีย์ หรือจะเป็นนักธุรกิจ พ่อไม่ว่า แต่คนที่อยู่คือหนูไม่ใช่พ่อ ดังนั้นพ่อก็อยากให้หนูสบายใจมากกว่า

ถ้าเป็นอาชีพอะไรคุณพ่อไม่ซีเรียส แล้วเรื่องเพศล่ะซีเรียสไหม?

สุรชัย : ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าจะเป็นครอบครัวก็ต้องเป็นผู้ชาย ส่วนทอมจะโหด ถ้าเกิดเรื่องหึงหวงขึ้นมาเราห่วงตรงนี้ ส่วนจะชอบผู้หญิงผมมองว่ามันจะผิดธรรมชาติหรือเปล่า

ดิ๊งค์ : ส่วนมากก็จะคุยกับคุณแม่ ตอนนี้ดิ๊งอายุแค่ 26 ก็ให้เป็นกำลังใจดีกว่า เหมือนกับว่าตอนนี้เราก็แฮปปี้ ในการทำงาน ในการเรียน เอาจริงๆ เรื่องนี้หนูไม่เคยคุยกับคุณพ่อเลย

คุณพ่อพอจะทราบไหม?

สุรชัย : ผมไม่เคยรู้ คือตั้งแต่โตมาก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน คือเขาก็จะอยู่ฝั่งวัชรพล ส่วนผมก็จะอยู่ฝั่งศาลายา คือเขาก็โตแล้ว ทุกคนกำลังสร้างตัว กำลังทำงาน แล้วเขาก็น่ารักกันทุกคน คนโตก็ทำละคร คนที่สองก็เป็นแอร์ คนที่สามก็แต่งงานไปแล้ว คนเล็กก็จบโท 2 ใบ ทุกคนก็เก่งๆแบบนี้ทุกคน

ตอนนี้ดิ๊งค์ชอบเพศอะไร?

ดิ๊ง : ไม่รู้ ตอนนี้เราก็มองว่าเป็นกำลังใจของเรามากกว่า วันนี้เราอาจจะรู้สึกสนิทกับเพื่อนหญิงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนอนาคตถ้ามองเรื่องครอบครัว เรายังไม่ได้มองถึงเรื่องตรงนั้น ว่าต้องมีลูกหรือแต่งงาน

คลิปสัมภาษณ์ “สุรชัย สมบัติเจริญ” ควงลูกสาว “ดิ๊งค์” กมลชนก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน