‘น้ำตาล’สาวเหนือสุดจี๊ด!ไม่ง่ายเล่นหนังล้านนา‘ส้มป่อย’ – นางเอกสาว ‘น้ำตาล’ พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ ทุ่มสุดตัวกับบท ‘ส้มป่อย’ ในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ฉบับล้านนาเรื่อง “ส้มป่อย” ที่ได้ 2 ผู้กำกับฯ มือดี ‘โขม’ ก้องเกียรติ โขมศิริ นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ และ ‘มะเดี่ยว’ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มาเป็นที่ปรึกษา

ประชันบทบาทกับสองพระเอก ‘ตี๋’ ธนพล จารุจิตรานนท์ และ ‘ป๊อบ’ ธัชทร ทรัพย์อนันต์

วันนี้นางเอกสาวเปิดใจพูดคุยถึงบทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์ ดังกล่าว รวมถึงอัพเดตงานและหัวใจที่คบกับแฟนหนุ่ม ‘ไผ่’ พาทิศ พิสิฐกุล

บทบาทในภาพยนตร์เรื่อง “ส้มป่อย” ที่เราแสดงเป็นอย่างไร?

น้ำตาล – “สนุกและก็ท้าทายค่ะ ในเรื่องตาลรับบท ส้มป่อย เป็นสาวเหนือสาวลำพูน เป็นสาวแซ่บในหมู่บ้าน ฝันอยากมีแฟนเป็นหนุ่มกรุงเทพฯ สิ่งที่ยากที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็นการถ่ายทอดตัวละครส้มป่อยยังไงให้ดูโอเค เขาเป็นคนจี๊ด แต่เล่นยังไงให้ดูไม่ก้าวร้าวจนเกินไป ดูไม่กร้าน”

เรื่องนี้รับบทสาวชาวเหนือน่าจะเข้าทาง?

น้ำตาล – “หลายคนคิดว่าเล่นเป็นคนเหนือน่าจะง่ายสำหรับตาลเพราะเป็นคนเหนือ ด้วยเพราะว่าความเป็นคนเหนือนี่แหละค่อนข้างที่จะยาก ด้วยความที่เมื่อก่อนเราใช้ภาษาเหนือเป็นภาษาหลัก แต่มีช่วงนึงที่มาอยู่กรุงเทพฯ ก็จะหลงลืมคำแปล และทางผู้กำกับฯคนเขียนบทเขาเป็นคนลำพูน แต่ตาลเป็นคนแพร่ บางคำศัพท์ก็จะไม่เหมือนกัน รวมถึงสำเนียงด้วย ต้องมาคุยกันว่าเขาอยากให้เป็นสำเนียงของจังหวัดอะไร เหมือนจังหวัดแพร่ก็จะเป็นอีกแบบ ลำพูน เชียงใหม่ลำปาง ก็จะเป็นอีกแบบนึง”

“ตอนแรกที่มีหนังติดต่อมาก็คิดว่าเหนือน่าจะง่าย แต่พอมาดูแล้วมันเป็นอีกหนึ่งมุมอีกหนึ่งความน่ารักที่ได้หยิบยกเอาวัยรุ่นที่อาจจะไม่ได้เป็นสาวในอุดมคติของใครหลายๆ คนที่ว่าสาวเหนือต้องอ่อนช้อยอ่อนหวานเรียบร้อย แต่ส้มป่อยจะเป็นเหมือนตัวจี๊ดของหมู่บ้าน เป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่ทันสมัยมาก กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก ถ้ามีงานวัดมีงานอะไรคือส้มป่อยไปหน้าเวทีเลย แต่ไม่ได้เต้นหน้าเวทีนะ ขึ้นไปเต้นบนลำโพง ทั้งกินเหล้าขาว กินลาบเนื้อสดๆ เต้นก็เต้นสุด มีไปศึกษาท่าเต้นเพิ่มว่าท่าเต้นสมัยนี้เขาเต้นกันแบบไหนแล้ว ต้องกลับไปศึกษาดูว่าต้องทำยังไง เราจะได้เข้าถึงตัวละครจริงๆ”

เรื่องนี้เรียกว่าไม่ห่วงสวย?

น้ำตาล – “เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงสวย จริงๆ ตาลก็เคยเล่นคอมเมดี้ มาแล้วค่ะ ไม่ค่อยห่วง เพียงแต่ว่าต้องการอยากให้เราเป็นแนวไหน ถ้าจำไม่ผิด เรื่องมาจากการ์ตูนด้วย ตาลก็เลยถามว่าเราจะเล่นเป็นแบบการ์ตูนไหม หรือว่ายังเป็นคนธรรมดาทั่วไปปกติที่สามารถจับต้องได้”

“เรื่องนี้เหมือนเป็นเด็กสาวชาวบ้านๆ เป็นวัยรุ่นที่พยายามจะสวย ส้มป่อยไม่ใช่ผู้หญิงที่แบบโอ๊ยคนนี้คือสวยนางเอกละครนางเอกหนัง แต่เขาคือคนที่เป็นวัยรุ่นที่พยายามอยากจะสวย ดู YouTube ดูนั่นดูนี่แล้วพยายามแต่งหน้าตาม เป็นคนทำอะไรสุด รู้สึกยังไงก็อย่างนั้น เรื่องนี้มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง”

ร่วมเล่นกับพระเอกน้องใหม่ด้วย?

น้ำตาล – “น้องตี๋ (ธนพล จารุจิตรานนท์) อยู่ช่องเดียวกันช่อง 3 แต่ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันเลย ก็มาเจอกันในภาพยนตร์เรื่อง ส้มป่อย ภาพที่เราจินตนาการน้องคือโอเค น้องหล่อเหมือนเทพบุตรบอยแบนด์ จะมาเป็นเด็กบ้านๆ ได้หรือเปล่า วันที่เจอกันตอนเวิร์กช็อป น้องเป็นคนมีพรสวรรค์ แล้วในเรื่องเขาเล่นเป็นร่างทรง คือเขาเป็นร่างทรงที่ไม่ได้เป็นร่างทรงจริงๆ เขาเป็นร่างทรงปลอม ดังนั้นเขาจะแอ๊กติ้งใส่เสริมเข้าไป น้องกล้าเล่นแบบหลุดออกมา เขาทำการบ้านดีมากๆ แม้แต่คำพูดคำจาหรือว่าเสียง จังหวะคอมเมดี้ก็ดี อยากให้ติดตาม ดีใจมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับน้องตี๋ อยากให้ชมกันเยอะๆ เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเรา และ ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของนักแสดงหลายๆ ท่านด้วย”

คาดหวังไหม?

น้ำตาล – “คาดหวังเหมือนกัน แล้วก็ไม่อยากให้ผิดหวัง เพราะเป็นภาพยนตร์ที่เป็นภาคเหนือด้วย บอกเล่าตัวตนของวัยรุ่นภาคเหนือ ก็อยากให้ประสบความสำเร็จ ถึงแม้อาจจะดูเหมือนเฉพาะกลุ่ม คนเขียนบท ผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานส่วนใหญ่เป็นคนเหนือ เชื่อเถอะเป็นหนังเหนือที่ย่อยง่าย เข้าถึงทุกเพศทุกวัย เป็นเรื่องความรักหนุ่มสาว เรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิต เล่าในอีกแง่มุมของภาคเหนือ”

“สิ่งที่ทุกคนจะได้โดยไม่รู้ตัวคือมันไม่ใช่แค่รักของหนุ่มสาว แต่มีเรื่องเกี่ยวกับ บ้านเกิด ความรักของครอบครัว ความเชื่อ ร่างทรง ระหว่างทางมีฟีลเหมือนเป็นตลกร้ายด้วยในเรื่องค่านิยมที่ว่าทำไมสาวๆ ในหมู่บ้านถึงอยากมีสามีเป็นคนต่างถิ่น แล้วก็สมมติว่าเป็น วันรวมญาติทำไมเด็กๆ ชอบวันสงกรานต์ แต่ไม่ชอบการรวมญาติ เพราะบางทีไปเจอญาติที่ประมาณว่าลูกเธอได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ สอบติดที่ไหน ลูกฉันเรียนติดที่นี่ ลูกเธอล่ะ ทำให้มีการเปรียบเทียบโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นอะไรที่สอดแทรกอยู่ในหนัง เข้าฉายวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ค่ะ”

ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาทำงานแล้ว?

น้ำตาล – “ค่ะ ตอนนี้งานละครเริ่มกลับมาถ่ายทำแล้ว หยุดพักไป 6 เดือน เพิ่งเริ่มกลับมาถ่าย เราก็อาจจะหลงๆลืมๆ คาแร็กเตอร์ ของตัวละครต้องขอบทแบบใหม่ทั้งหมด เหมือนเราทิ้งตัวละครเป็น 6 เดือน แล้วตอนนั้นถ่ายทำกันได้ประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ พอหยุดไปนานขนาดนี้ก็เลยกลัวจะไม่เข้มข้นเหมือนตอนที่เราถ่ายติดๆ กันมา”

6 เดือนที่พักมา ไปทำงาน วันแรกเป็นอย่างไรบ้าง?

น้ำตาล – “ไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้มานานมากแล้ว ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4-5 คือช่วงโควิดเราอยู่แต่บ้าน บางทีดูซีรีส์จนถึงเช้าหลับตื่นบ่ายอะไรอย่างนี้ เหมือนเวลาเราเปลี่ยนไปอยู่อเมริกาไปแล้ว ตอนนี้ก็เลยบอกว่าไม่ได้ ดึง สติ ต้องรีบนอนไวขึ้น ก็พยายามทำตัวเองให้กลับมาชินกับเวลาประเทศไทยเร็วที่สุดค่ะ แล้วการทำงานช่วงนี้เปลี่ยนแปลงไปทุกวันเลย แต่เข้าใจได้คือเขาก็รักษาความปลอดภัยให้กับเราเป็นหลักด้วย เหมือนกัน”

สตูดิโอที่เปิดใหม่ของเราล่ะ?

น้ำตาล – “สตูดิโอของตาลก็ขึ้นอยู่กับมาตรการของ กองถ่ายด้วยเหมือนกัน คือถ้าเราถ่ายละครได้ สตูดิโอเราก็ถ่ายได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วสตูดิโอของตาลจะถ่ายพวกซีรีส์ หนัง ละคร พอเริ่มผ่อนปรนแล้วก็โอเคค่ะ เปิดรับงานแล้วค่ะ ตอนนี้สนใจก็มาจ้างได้นะคะ นี่ก็จะมีแบบที่ประจำอยู่แล้ว ซึ่งมีคิวถ่ายค้างกันอยู่ เขาก็จะโทร.มาบอกว่าเดี๋ยวพี่ยังใช้อยู่นะ อย่าเพิ่งเปลี่ยนบ้านรีโนเวต เพราะเขากลัวเราจะเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นจริงคือเราก็คงทำไม่ได้หรอก เพราะเราก็เข้าใจว่าทุกอย่างมันต้องต่อเนื่อง”

“อย่างล่าสุดโซฟาเพิ่งพังไป ก็เลยทำให้เรารู้ปัญหา ต้องพยายามหาโซฟาที่มันเหมือนเดิมมากที่สุด เพราะกองอื่นเขาก็ต้องใช้ ปรากฏเขาไม่ขายโซฟาแบบนี้แล้ว เลยต้องหาร้านที่รับทำโซฟาแล้วทำให้เหมือนเดิม แต่เราก็คิดราคาตามโซฟาที่เราซื้อจริงมา ก็ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปนี้เราจะซื้ออะไรก็คงต้องหาที่มันสำรองได้หรือที่เขาไม่เลิกผลิตค่ะ”

แล้วความรักล่ะเป็นอย่างไร เห็นมีทำธุรกิจด้วยกันด้วย?

น้ำตาล – “โอเคค่ะ คู่เราก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากกว่านี้ ล่าสุดก็มีทำตัว BE BALANCE เป็น honey & lemon ด้วยกันเพราะชอบมากๆ เคยกินแล้วอร่อยสดชื่น แล้วมีรุ่นพี่ชวนมาทำก็เลยลองทำด้วยกัน แล้วปรากฏมันเวิร์ก ขายดี ตอนนี้ก็ทำไปแต่ว่าก็เจอปัญหาเรื่อยๆ เราเป็นมือสมัครเล่นที่ทำกันเองเหมือนโฮมเมด แล้วเราก็ไม่เคยศึกษามาก่อนว่า เลมอนมันจะมีช่วงที่ไม่มีขาย ถ้าเป็นฤดูฝน เลมอนอาจจะไม่ได้อร่อยเหมือนเดิม ตอนนี้ก็ให้พวกพี่ๆ เขาศึกษากัน ถือว่าเหมือนมีจ๊อบที่ได้ทำร่วมกัน ที่จริงก็มีคนเตือนมาเยอะว่าเหมือนเพื่อนกัน คนรัก เป็นคนที่ไม่ควรทำธุรกิจด้วยกัน แต่สำหรับตาลทำกับเพื่อนก็เวิร์ก ไม่เคยทะเลาะกับเพื่อน ทำกับเขาก็เวิร์กค่ะ”

มีแผนที่จะแต่งงานหรือยัง?

น้ำตาล – “เรียกว่ามีการพูดคุยกันมากกว่า เพราะเราโตขึ้นเรื่อยๆ 9 ปีที่ผ่านมา ผ่านอะไรหลายอย่าง ในอนาคตมันก็ต้องมีแพลนว่าจะยังไง ต้องมีการพูดคุยกัน แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่รู้จะโทษอะไรโทษโควิดไว้ก่อน คือเป้าหมายของเราไม่ได้เป็นแบบที่เราคาดหวังไว้ คือเราไม่เคยคิดว่าวันนึงเราจะอยู่ในโลกที่มีโรคระบาดที่สามารถทำให้โลกแทบจะหยุดหมุนได้ขนาดนี้ ซึ่งมันติดขัดไปหมด แผนทุกอย่างที่วางไว้ทั้งการงานการเงิน มันหยุดชะงักกันไปหมด”

“มันไม่แปลกที่ความรักมันอาจจะต้องหยุดไว้ก่อน หยุดไว้ ณ เวลานี้ไม่ได้หมายความว่าเรารักกันน้อยลงหรือเราจะไม่ได้มีอนาคตร่วมกันแล้ว ไม่ใช่ เพียงแต่มันยังไม่ได้มั่นคงในแบบที่เราอยากจะให้เป็น คือตาลมีความรู้สึกว่าถ้าเราแต่งงานเราต้องพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ของเรา แล้วเราต้องมีครบเหมือนกับครอบครัวของเรา”

“แล้วถ้าเราจะมีลูก เราก็ต้องมั่นคงมากๆ ตาลมีความรู้สึกว่าครอบครัวเรา เขาทำไว้ดีมากคือคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ทำให้เราต้องลำบากที่จะมาคอยดูแลซัพพอร์ตเขามากถึงขนาดนั้น แล้วเขาก็ยังเลี้ยงลูกมาได้ดี ดังนั้น ณ เวลานี้เราต้องตั้งตัวให้ได้ก่อน ก่อนที่เราจะอยากไปมีครอบครัว”

“คือตอนนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าอย่าประมาทกับการใช้ชีวิตมากๆ คือสำหรับบางคนเนี่ยตอนนี้หาเงินเข้าไม่ได้สักบาท เราเองก็เป็นเหมือนกัน ประสบการณ์ตรงที่สุดคือเราเองจะต้องเอาเงินเก็บของเรามาใช้แล้ว”

“ดังนั้นอย่าประมาทกับการใช้ชีวิต รวมถึงอย่าประมาทในเรื่องสุขภาพ โรคนี้เป็นโรคของความโดดเดี่ยว ตาลไม่อยากเป็น พูดจริงๆ และก็ไม่อยากให้ใครเป็นด้วย เพราะเจ็บป่วยเราก็ต้องอยู่คนเดียว ถ้าเราต้องจากลาโลกนี้ไปก็ต้องจากไปด้วยตัวของเราเองคนเดียวอีก ดังนั้นโรคนี้มาเตือนสติเราในหลายๆ เรื่องมากเหมือนกันนะคะ”

อนงค์ จันทร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน