สวยเก่งครบ! ปันปัน สุทัตตา ต่อปริญญาโท สายการแพทย์ ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ยอมรับยาก แต่ทุ่มเวลาเต็มที่

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์ ได้ออกมารีวิวชีวิตนักศึกษาปริญญาโทของตัวเองกับการเตรียมตัวสอบปลายภาค โดยได้โชว์ชีทเอกสารช็อตโน้ตต่างๆ กองเป็นตั้งเต็มโต๊ะ ซึ่งทำให้เป็นไวรัล มีทั้งชมลายมือสวย และมองว่าเก่งมากๆ ที่สรุปสไลด์เป็นร้อยให้อยู่ใน 3 หน้ากระดาษได้ ล่าสุด สาวปันปัน ได้ย้ำผ่านสื่ออีกครั้ง ว่ามันไม่ใช่ของเธอ พร้อมอัพเดตเรื่องเรียนปริญญาโท ที่ย้ายจากนิเทศศาสตร์มาเริ่มต้นใหม่ ทางสายวิทย์ฯ ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

โดยบอกว่า “หนูลงสตอรี่ไปแล้วว่าไม่ใช่ชีทหนู เป็นโน้ตของพี่หมออีกคนนึงที่เขาเรียนในห้อง เขาปรินซ์ออกมาให้ทุกคน แต่หนูเอามาลง แต่หนูก็บอกแต่ทีแรกแล้วว่าไม่ใช่ของหนู เขียนชาตินึงก็ไม่ได้แบบนี้ค่ะ คือเป็นโน้ตที่ดีมาก เขาสรุปสไลด์ 100 อันให้อยู่ใน 3 แผ่น ขอเคลียร์ว่าไม่ใช่ของหนู คือส่งไปให้พี่เจ้าของ บอกพี่เขาว่ามันออกข่าวนะ เขาก็แซวกันในกรุ๊ปบอกโห! ดูเก่งมากเลย”

โชคดีที่คนช่วยเราเยอะ? “จริงค่ะ โชคดีที่คนในห้องอ่ะเขาช่วยกัน พวกในห้องเขาจะมีพี่ที่เป็นหมอที่เขาเก่งๆ รู้เรื่องเยอะกว่าเราอยู่แล้ว เขาก็จะคอยแชร์โน้ตแชร์ข้อมูลตลอด”

แล้วไปมายังไงจากนิเทศฯ มาทางป.โท วิทยาศาสตร์? “ใช่มั้ยคะ คือตั้งแต่ที่หนูเรียนจบเหมือนหนูเริ่มพยายามค้นหาตัวเอง แล้วก็ค้นพบตัวเองว่าหนูชอบไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ เยอะ เหมือนช่วงโควิดที่ว่างๆ ก็เลยคิดว่าไหนๆ ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกแล้วก็เรียนโทไปเลย ลุยไปเลยเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้ก็คือจบปีหนึ่งแล้วค่ะ เพิ่งสอบเสร็จอาทิตย์ที่แล้วด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยของ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์”

ยากไหม? ยากมากค่ะ เรียนทุกเสาร์-อาทิตย์ หนึ่งปีแล้ว วิชาสอบมันเยอะมาก มันเป็นศาสตร์ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน เพราะว่าหนูจบนิเทศฯ ไม่เคยเรียนสายวิทย์มาก่อนในชีวิตเลย แต่เนี่ยคือวิทย์แบบล้วนๆ หนูต้องมาเริ่มใหม่ คือต้องตั้งใจมากๆ อย่างที่บอกไปเมื่อกี้เหมือนค้นพบตัวเองว่าหนูอ่ะชอบอ่านหนังสือพวกนี้ งั้นไหนๆ ก็เรียนๆ ไปเลย คือที่เรียนก็จะมีกลุ่มหมอกับกลุ่มคนธรรมดาแต่เรียนเหมือนกัน”

คือคนที่ไม่เคยเรียนด้านนี้มาก่อนก็สามารถเรียนได้ใช่ไหม? “ถามว่าเรียนได้ไหม เรียนได้แต่ว่ามันก็จะต้องใช้ความพยายามเยอะนิดนึงกว่าคนอื่น เพราะว่าเราต้องเริ่มใหม่คือเริ่มตั้งแต่เซลล์ในร่างกายคืออะไร เริ่มตั้งแต่ตรงนั้นเลย ไม่ได้ถึงขั้นเป็นมีอาจารย์ใหญ่ คือเรียนทั้งหมดสองปีนะคะ แต่ว่านี่ก็จบปีหนึ่งแล้ว ส่วนปีสองก็จะเป็นเรื่องของการทำทีธีสิสมากกว่า”

แล้วถ้าจบมาใช้คำว่าหมอนำหน้าได้ไหม? “ไม่ได้เป็นหมอค่ะ เหมือนเราแค่ว่าเป็นแอนไทเอจจิ้ง คือจริงๆ อ่ะ มีคนถามอยู่เยอะมากตอนที่เข้าไปเรียนว่าอยากจะทำผลิตภัณฑ์เหรอ คือจริงๆ อ่ะหนูก็บอกว่าหนูไม่มีแพลนอะไรเลย หนูเรียนไปเพราะว่าหนูชอบล้วนๆ เลยค่ะ เรียนไปก่อน ทุกคนก็งงก็ตามนั้นค่ะ เหมือนว่าอ่านหนังสือเรื่องนี้เยอะก็เอาวุฒิไปเลยค่ะ”

เรื่องงานในวงการเราก็ไม่ทิ้ง? “ไม่ทิ้งค่ะ คือปีที่ผ่านมาหนูก็มีถ่ายซีรีส์ แต่เราก็จัดสรรเวลา เราก็จะขอเขาเลยว่า ถ้าเป็นไปได้หนูขอเสาร์-อาทิตย์ไปเรียนนะคะ วันอื่นเอาไปเลยไม่ได้ติดอะไรค่ะ รับละครทีละเรื่อง เพราะอยากจะมาทุ่มให้เรื่องการเรียนด้วยเป็นคนชอบเรียนค่ะ แล้วก็จะได้ทำงานออกมาได้ดีอีกด้วย อย่างเรื่องนี้ค่ะ วันไนท์สแตนด์ มาปุ๊บเราก็ปิดเทอมพอดี เลยว่าจะทุ่มเวลาให้กับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เลยค่ะ”

เรียนมาเพื่อที่จะดูแลตัวเองหรือเปล่า? “จริงๆ เรียนมาเพื่อคุณพ่อด้วย เคยขอพ่อตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ว่าพ่อดูแลตัวเองดูแลนิดนึงได้ไหม ถ้าหนูเรียนจบพ่อต้องลดน้ำหนัก พ่อผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย จนจะเรียนจบแล้วผัดมาสามปีแล้ว เขาก็เคยบอกหนูตั้งแต่เรียนป.ตรีแล้วว่าเขาจะลด แต่หนูจะจบโทแล้วเขาก็ไม่ลดเลย คือเขางอแงมาก แล้วพอเราเรียนเรื่องนี้เราก็เรียนเรื่องการใช้ชีวิตแบบยืนยาว (เขาก็สายปาร์ตี้อยู่นะ?) คือวัยรุ่นมาก จนลูกสาวหยุดแล้วแต่ คุณพ่อก็ยังบินต่อ”

นอกจากคุณพ่อแล้วคุณแฟนเรายังต้องดูแลด้วยไหม? “ก็คือยังโอเค ยังมีช่วงสั่นเครือบ้าง แต่ว่ายังอยู่ค่ะ (เกี่ยวกับเวลาไหม เพราะอย่างที่บอกว่าเราทั้งเรียนทั้งทำงาน?) เกี่ยวหมดทั้งเรื่องเวลาด้วยแล้วก็อายุมันต่างกัน ความคิดมันก็ต่างกันไปหมด ปรับกันเรื่อยๆ คือเหมือนว่าเราคบกันมานานคุยกันมานาน พอถึงจุดหนึ่งมันก็มีคำว่า เอ๊ะ! ยังไงดี มีความไม่เหมือนกันบ้าง เข้ากันไม่ได้บ้าง ในขณะที่ตอนแรกมันอาจจะไม่เคยเป็นปัญหามาก่อน แต่มันก็เริ่มมีปัญหาขึ้น”

“ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทัศนคติและ value ของคนส่วนใหญ่มันจะไม่เหมือนกัน เหมือนว่าหนูอายุเท่านี้หนูมี value เรื่องนี้เยอะ แต่เขาอายุเท่านี้ แต่เขาอาจจะเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ได้สำคัญกับเขา มันอาจจะเกิดคอนฟลิกต์กันนิดหน่อย แต่ถามว่ามันก็เป็นเรื่องปกตินะคนอยู่กันมานาน มันก็ค่อยๆ ปรับจูนกันไป แต่โชคดีที่เราก็ใจเย็นทั้งคู่เขาใจเย็นเราก็ใจเย็น ไม่ได้เป็นชะนีปี๊ดป๊าดโกรธแล้ววีน ไม่ได้เกิดการทะเลาะมีปากเสียง”

“แต่ช่วงนี้ก็ได้เจอบ้าง เพราะก็เพิ่งสอบเสร็จแล้ว เขาก็เข้าใจ เพราะปกติเขาก็ทำงานจันทร์ถึงศุกร์เสาร์-อาทิตย์ก็จะมีเวลาไปกินข้าวกัน แต่ปีที่ผ่านมาเสาร์-อาทิตย์คือหนูไม่ว่างเวลามันก็เลยไม่ค่อยตรง เจอกันน้อย (ตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว?) ก็ไม่ว่างมาถ่ายเรื่องนี้(หัวเราะ) งั้นรอดูวันเกิดแล้วกันเนอะเผื่อมีอะไรบ้าง”

ได้เกริ่นไว้ไหมว่าอยากได้อะไร? “ไม่ค่ะ ยังไม่ขนาดนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น (อาจจะมีเซอร์ไพรส์อะไร?) หูย สาธุ สาธุ (เขาสายเปย์?) ไม่ๆ เขาไม่เปย์ของ คืออาจจะแบบมีไปกินข้าวอะไรอย่างนี้ หรืออาจจะไม่มีก็ได้ คือเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เลยค่ะ เหมือนก้อนหิน(ยิ้ม)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน