ระทึกเพลิงไหม้เรือประมง ไพลิน ขนาด 30 ตันกรอส ขณะจอดไว้ที่ท่าเทียบเรือแสนสดใส ม.5 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ปากลำน้ำกระบุรี ซึ่งกลางลำน้ำเป็นแนวชายแดนฝั่งตรงกันข้ามกับ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา โดยเพลิงได้ลุกไหม้ เผาลำเรือเสียหายทั้งลำ ใช้เวลาดับเพลิงร่วม 3 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ความเสียหายร่วม 15 บาท สันนิษฐาน คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟชอร์ตบริเวณหน้าเก๋งเรือประมง ก่อนจะลามลุกไหม้ พื้นพลาสติก และโครงไม้ ลุกลามไปจนถึงห้องเครื่องยนต์ ที่มีน้ำมันกว่า 5,000 ลิตร

201609160625487-20120716160851

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ศูนย์วิทยุกู้ชีพ กู้ภัย มูลนิธิระนองสงเคราะห์ ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้เรือประมง ชื่อไพลิน ขนาด 30 ตันกรอส ขณะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือแสนสดใส ม.5 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ปากลำน้ำกระบุรี ซึ่งกลางลำน้ำเป็นแนวชายแดนฝั่งตรงกันข้ามกับ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา จึงรีบประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระนอง สั่งการให้รถดับเพลิง จากเทศบาลเมืองระนอง , เทศบาลเมืองบางริ้น และจากเทศบาลตำบลปากน้ำ จำนวน 5 คัน เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจดับเพลิง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ อย่างเร่งด่วน

โดยในที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าท่าเทียบเรือแสนสดใส เพลิงได้ลุกไหม้เรือประมงไพลิน แล้วทั้งลำ แสงไฟได้ลุกโชติช่วง สว่างไปทั่วลำน้ำกระบุรี ซึ่งความร้อนยังส่งผลกับตัวเรือน้ำมันที่จอดด้านข้างอีกหนึ่งลำ ที่จอดซ่อมแซมสะพานเรือ และในตัวเรือมีน้ำมันอยู่กว่า 30,000 ลิตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องฉีดน้ำเลี้ยงเพื่อลดอุณหภูมิ เพื่อไม่ให้ถังน้ำมันเกิดระเบิดตามขึ้นมาอีกลำ

201609160625488-20120716160851

เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิระนองสงเคราะห์ ได้เร่งนำน้ำเข้าฉีดสกัดเรือประมงไพลิน ต้นเพลิง ทำการฉีดน้ำดับไฟไล่ตั้งแต่เก๋งเรือ ห้องควบคุมการเดินเรือ ห้องนอน ตั้งแต่ชั้นสามลงมาชั้นล่าง และฉีดน้ำเข้าหล่อเลี้ยงห้องเครื่องยนต์ ใต้ท้องเรือ ที่ยังคงลุกไหม้ น้ำมันจากถังเชื้อเพลิง ที่มีน้ำมันค้างกว่า 5,000 ลิตร

จนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วม 3 ชั่วโมง น้ำจากรถดับเพลิงยังไม่พอในการฉีดสกัดเพลิง ที่ลุกไหม้โครงไม้เรือและแผ่นพลาสติกที่ปูบนผนังฝ้า ซึ่งทรัพย์สินภายในเรือ ทั้งเครื่องซาวด์น่าค้นหาปลา และเครื่องเรดาห์ประจำเรือ เสียหายทั้งหมด ไม่สามารถนำสิ่งใดออกมาจากเรือได้ แม้กระทั่งเสื้อผ้าข้าวของของลูกเรือ ที่หนีตายขึ้นฝั่ง ในช่วงไฟลุกไหม้ ขณะนอนหลับบนเก๋งท้ายเรือ

201609160625485-20120716160851

รถน้ำดับเพลิงที่ต้องหมุนเวียนกันไปขนน้ำ ต้องนำรถน้ำเอกชนมาช่วยเติมน้ำใส่รถดับเพลิงหลัก เพื่อฉีดควบคุมเพลิงที่ยังคงลุกไหม้จากถังน้ำมันใต้ท้องเรือ ซึ่งคงต้องรอให้เกิดการเผาไหม้น้ำมันใต้ท้องเรือจนหมด เพลิงจึงจะดับ แม้จะมีฝนตกลงมาช่วย แต่ก็ทำได้เพียงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด

ส่วนสาเหตุจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้ สันนิษฐานเบื้องต้น ต้นเพลิงน่าจะเกิดจากไฟฟ้าชอร์ตบริเวณเก๋งเรือ ก่อนจะลุกลามไปตามผนังฝ้าพลาสติก และโครงไม้เรือ จนกระทั่งไปถึงห้องเครื่องยนต์ ที่มีน้ำมัน คงค้างกว่า 5,000 ลิตร โดยในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ระนอง , กรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระนอง และร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำระนอง จะเข้าตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้เรือในคืนวันไหว้พระจันทร์ต่อไป

201609160625489-20120716160851

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน