น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้น หลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 0.75-1% ซึ่งนักลงทุนมองว่าเฟดไม่ได้ใช้ยาแรงเกินไปกว่าความคาดหมาย

ทั้งนี้ เฟด ยังประกาศแผนการปรับลดขนาดงบดุล เริ่มตั้งแต่ 1 มิ.ย. นี้ วงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และจะเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ภายใน 3 เดือน

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ที่ปฏิเสธแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% แม้มีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นรุนแรงก็ตาม นั่นทำให้นักลงทุนปิดโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 2.9149% ส่วนดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 102.457 จนเป็นที่มาที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นจนกระทั่งทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,903.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของวันนี้ในตลาดเอเชีย

โดยการปรับขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้มองว่า จะเป็นการปรับขึ้นในกรอบจำกัด ซึ่งยังต้องระวังแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ เนื่องจากทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นไปในลักษณะแข็งค่า รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นขาขึ้นจากการกลับมาคุมเข้มนโยบายของเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนได้ลดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในรัสเซียกับยูเครน โดยเฉพาะกรณีที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ออกมาระบุว่าสถานการณ์ความขัดแย้งนี้จะมีโอกาสน้อยมากที่จะพัฒนาไปสู่ส่งครามโลกครั้งที่ 3 ทำให้เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวกลับขึ้นมา ทำให้นักลงทุนประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐอาจมีสัญญาณดีดตัวขึ้นมา ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก จนบั่นทอนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ ให้หาจังหวะทยอยขายทำกำไรทองคำออกบางส่วน เมื่อราคามีการปรับตัวขึ้น เพราะแม้ประเด็นเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง แต่ยังต้องจับตาการประชุมของเฟดในรอบถัดไป เพื่อรอราคาย่อตัวลงมาอีกครั้งจึงค่อยเข้าซื้อตามบริเวณแนวรับ

ทั้งนี้ ประเมินกรอบแนวต้านบริเวณ 1,920-1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และประเมินกรอบแนวรับบริเวณ 1,889-1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับต่อไปบริเวณ 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน