สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 ก.ค. 2565 ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,552.73 จุด +6.42 จุด (+0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 57,726.21 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ หลังจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทยอยประกาศผลผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 ออกมาค่อนข้างดี ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องไปได้อีกระยะหนึ่ง

เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มปัญหาหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ของธนาคารซึ่งจะมีผลต่อการตั้งสำรองหนี้เสียของในหลายๆ ธนาคาร แต่เมื่อผลประกอบการออกมาพบว่าหนี้เสียค่อนข้างจะต่ำ ทำให้นักลงทุนคลายรวามกังวลทำให้เห็นแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และประเมินว่าแรงส่งจะต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์หน้า

โดยหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ
1. TRUE มูลค่าการซื้อขาย 6,075 ล้านบาท -0.30 บาท (-6.20%)
2. SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,014.28 ล้านบาท +3.00 บาท (+3.19%)
3. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,706.96 ล้านบาท -0.50 บาท (-0.36%)
4. DTAC มูลค่าการซื้อขาย 2,537.93 ล้านบาท -2.50 บาท (-5.29%)
5. KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,490.35 ล้านบาท +0.50 บาท (+3.33)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (25 ก.ค.) มองว่าตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยในรอบนี้นักลงทุนรงจะรอฟังว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ มากกว่าที่จะจับตาเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากน่าจะเห็นภาพชัดเจนแล้วว่าการประชุมเฟดรอบนี้น่าจะจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% และรอบหน้าคาดว่าจะปรับขึ้นที่ 0.50%

และหากประธานเฟดมีการส่งสัญญานชัดเจนว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งพอสมควรแม้ว่าจะมีการเกิดเศรษฐกิจถดถอย แต่อาจไม่ส่งผลร้ายแรงมาก รวมถึงสถานกการณ์เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เชื่อว่าจะเป็นภาพเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นได้ ขณะเดียวกันหากภาพเชิงบวกดังกล่าวสามารถผลักดันดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นไปเกิน 1,555 จุดได้ ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปอีก 30-40 จุดได้

“ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาค่อนข้างมาก และสะท้อนปัจจัยลบไปค่อนข้างเยอะ ทำให้ตลาดหุ้นในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวในหุ้นบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่นหุ้นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งอยู่ในปลุ่มหุ้นปลอดภัย ส่วนหุ้นในกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประประกอบการมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่อง เช่น หุ้นกลุ่มเปิดเมือง และหุ้นท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน ก็มีความน่าสนใจ เนื่องจากการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ออกมาพบว่าเอ็นพีแอลไม่สูง ทำให้เอ็นพีแอลในหุ้นกลุ่มการเงินก็นน่าจะไม่สูงมากเช่นกัน”


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน