กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 37.60-38.40 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 37.86 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 37.64-38.34 บาท/ดอลลาร์

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่บอนด์ยิลด์สหรัฐ ย่อตัวลงท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าสหรัฐ อาจลดความแข็งกร้าวในการคุมเข้มนโยบายการเงินก่อนสิ้นปีนี้ ทางด้านการธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 75bp สู่ 1.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และจะหารือเรื่องการลดขนาดงบดุล ในการประชุมเดือนธ.ค. โดยอีซีบีระบุว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ดี นักลงทุนตีความถ้อยแถลงของอีซีบีที่ว่าการคุมเข้มนโยบายในส่วนสำคัญเสร็จสิ้นไปแล้วเป็นสัญญาณว่าดอกเบี้ยปลายทางอาจไม่สูงเท่ากับที่เคยคาดไว้

ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) สวนกระแสธนาคารกลางทั่วโลกด้วยการคงนโยบายผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 8,464 ล้านบาท และ 4,306 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า เหตุการณ์สำคัญจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 75bp เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันสู่ระดับ 3.75-4.00% นักลงทุนจะจับตาท่าทีของเฟดเพื่อประเมินความแข็งกร้าวในการขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค. โดยหากมีสัญญาณว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงหลังเดือนพ.ย. ค่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานในกรอบที่อ่อนค่าลง

อนึ่ง เรามองอย่างระมัดระวังว่าเฟดอาจทำให้ตลาดผิดหวังและตอกย้ำความไม่แน่นอนของแนวนโยบายในระยะถัดไปซึ่งจะทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้ นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ เช่นกัน

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุน ติดตามข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ย. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. โดยเราคาดว่าจะขาดดุลลดลงและเงินเฟ้อทั่วไปผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทางด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการจีดีพีปี 2565 ลงเล็กน้อยเป็นขยายตัว 3.4% โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของการลงทุนเนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น พร้อมทั้งคาดว่าจีดีพีปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 3.8% และประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 21.5 ล้านคน โดยให้ความเห็นว่าหากเศรษฐกิจโลกถดถอย ไทยยังสามารถใช้มาตรการทางคลังประคองเศรษฐกิจโดยเน้นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มและเป็นมาตรการชั่วคราวมากขึ้น


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน