คอลัมน์ สุขภาพ : ลดเสี่ยงกระดูกหักซ้ำ แพทย์ออร์โธปิดิกส์ให้ความรู้
คอลัมน์ สุขภาพ
รายงานพิเศษ
ลดเสี่ยงกระดูกหักซ้ำ แพทย์ออร์โธปิดิกส์ให้ความรู้ – กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจกับเรื่องกระดูกหักในผู้สูงวัยจากโรคกระดูกพรุนค่อนข้างมาก
ในวันกระดูกพรุนโลกซึ่งตรงกับวันที่ 20 ต.ค. ทางราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย (The Royal College of Orthopaedic Surgeons of Thailand = RCOST) ร่วมกับบริษัทแอมเจน (ประเทศ ไทย) จำกัด จัดงาน “Special talk with experts” ที่ Technology Pavilion เพื่อให้ความรู้ ลดความเสี่ยง การเกิดกระดูกหักซ้ำในผู้สูงอายุ
โดยงานประชุมได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.อารี ตนาวลี ประธานราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย, รศ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันทน์ ประธานอนุสาขาเมตาบอลิกและผู้สูงอายุ (MBOG), รศ.นพ.สัตยา โรจนเสถียร ว่าที่ประธานอนุสาขาเมตาบอลิกและ ผู้สูงอายุ, ศ.พ.อ.(พิเศษ) ดร.นพ.ทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย เข้าร่วมในงานและให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน
ศ.นพ.อารีกล่าวว่า ราชวิทยาลัยฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอันตรายจากภาวะดังกล่าว แพทย์ออร์โธปิดิกส์จึงได้ร่วมมือกันให้ความสำคัญ ดูแลผู้ป่วยกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหักซ้ำของกระดูก โดยตำแหน่งที่พบบ่อยจากการหกล้มคือกระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือ ส่วนกระดูกสันหลังหักอาจพบโดยเกิดกระดูกยุบตัว จากอุบัติเหตุหรือเกิดขึ้นเอง และหากภาวะกระดูกพรุนไม่ถูกควบคุมดีพอก็อาจเกิดการหักซ้ำได้ในส่วนอื่นๆ โดยราชวิทยาลัยฯ ได้รณรงค์ให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปตระหนักถึงภาวะกระดูกพรุนและจะดำเนินต่อไปให้เป็นวงกว้างมากขึ้น
รศ.นพ.สัตยา กล่าวว่า โรคกระดูกพรุนคือโรคที่คนไข้มีมวลกระดูกต่ำ โครงสร้างกระดูกเสื่อมโทรมและกระดูกหักง่ายแม้เพียงการล้มเบาๆ ผลกระทบสำคัญของโรคกระดูกพรุนคือกระดูกหักในตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย เช่น กระดูกข้อมือหัก กระดูกสันหลังหัก กระดูกสะโพกหัก กระดูกต้นแขนหัก กระดูกเชิงกรานหัก การที่กระดูกหักในตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คุณภาพชีวิต ลดลง เสี่ยงต่อการเสียชีวิตเร็วกว่าเวลาอันสมควร
คนไข้ที่เคยมีกระดูกหักจากภยันตรายที่ไม่ร้ายแรงเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณภาพกระดูกไม่ดี และเป็นโรคกระดูกพรุน คนไข้เหล่านี้มีโอกาสเกิดกระดูกหักซ้ำได้มากกว่าประชากรทั่วไปหลายเท่า การป้องกันก่อนกระดูกหักจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันการป้องกันมีให้กระดูกหักซ้ำในผู้ป่วยซึ่งเคยมีกระดูกหักมาแล้วยิ่งมีความสำคัญอย่างมาก
รศ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันทน์ ประธานอนุสาขาเมตาบอลิกและผู้สูงอายุ กล่าวว่า การรักษาโรคกระดูกพรุนไม่ยาก เริ่มต้นจากการวินิจฉัยในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ตรวจค่ามวลกระดูก และตรวจเลือดเพิ่มเติม เมื่อวินิจฉัยเป็นโรคกระดูกพรุนแล้วจึงเลือกใช้ยาตามข้อบ่งชี้ ยามี 2 กลุ่มหลักๆ คือ ยาต้านการสลายกระดูก และยา กระตุ้นการสร้างกระดูก ซึ่งควรพิจารณาเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายในระยะเวลาที่เหมาะสม สุดท้ายคือติดตามผล โดยตรวจวัดมวลกระดูก ทุก 1-2 ปี
ศ.พ.อ.(พิเศษ) ดร.นพ.ทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า บทบาทของมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทยฯ (TOPF) ในการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน แบ่งเป็น 2 แนวทางใหญ่ๆ ประกอบด้วย
1.การให้ความรู้กับแพทย์ในสาขาต่างๆ และบุคลากรทางการแพทย์ ให้เกิดความเข้าใจ สามารถวินิจฉัย และให้การรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเหล่านี้ได้ เครือข่ายต่างๆ ภายในมูลนิธิ ได้แก่ ชมรม ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกพรุน (TOSS), เครือข่ายการดูแลผู้ป่วยกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน (Thailand-FFN), ชมรมการตรวจวัดมวลกระดูกทางคลินิก (TSCD)
2.การให้ความรู้แก่ประชาชน ในการดูแลสุขภาพกระดูก การกินอาหาร และการออกกำลังกายที่ถูกต้อง เราก็มีชมรมรักษ์กระดูก (Thai Osteoporosis Patient Society) ในการจัดอบรม แก่ อสส. อสม. และประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้สูงวัย ที่จะได้มี ความรู้ สามารถดูแลกระดูกของตนเอง ญาติพี่น้อง คนในหมู่บ้าน ในตำบลได้ถูกต้อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์จัดถก สร้างเครือข่าย-เสริมความรู้แพทย์นานาชาติ
คอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ : ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เจ็บน้อย-ฟื้นไว-24ช.ม.เดินได้