คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

ซอย 35 มีเนินดินสูงกลางป่าหญ้ารกร้างว่างเปล่าหลายสิบไร่ บริเวณนั้นมักมีคนเอาขยะมาทิ้งอยู่เป็นประจำ เพราะเปลี่ยว ร้าง ไม่มีคนดูแลจัดการอะไร ตอนหลังเทศบาลเอาป้ายมาปักไว้ ว่าห้ามเอาขยะมาทิ้งบริเวณนี้ มีโทษปรับอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเกิดผลอะไร คนก็ยังคงขนขยะประดามีมาทิ้งกันเหมือนเดิม แม้จะไม่มากเท่าบ่อขยะ แต่ก็เป็นทัศนียภาพที่ไม่ได้น่าดูเอาเสียเลย

มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนเห็นเด็กคนหนึ่ง แก้ผ้าล่อนจ้อนผลุบๆ โผล่ๆ อยู่แถวเนินดินนั้นในช่วงพลบค่ำ ว่ากันว่าเป็นเด็กจรจัดบ้าง เด็กเร่ร่อนบ้าง หรือบางคนก็ว่าเป็นลูกคนงานต่างด้าวที่เร่ตามพ่อแม่ไปกับงานก่อสร้าง ตกหล่นแหมะอยู่ตรงนี้ ตอนกลางวันคงหนีแดดไปนอนตามสุมทุมพุ่มไม้ในป่าละเมาะที่อยู่บริเวณนั้น พออากาศเย็นๆ ก็เดินออกมาหากินเหมือนพวกสัตว์ป่า เคยมีคนไปแจ้งทางการให้มาช่วยดูเด็กคนนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พากันตามหาเด็กอยู่ทั้งวัน แต่ก็ไม่มีใครพบเจอเด็กคนไหนหรือแม้แต่ใครสักคนอาศัยอยู่บริเวณนั้น

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครลงพื้นที่มาทำอะไรอีก แต่เด็กลึกลับที่ว่าก็ยังปรากฏตัวอยู่เสมอ แวบไปแวบมาเหมือนผี วิ่งเปลือยกายคุ้ยหาอาหารของเล่นตามกองขยะ บางคราวก็นั่งเล่นกับหมาจรจัด แต่เมื่อมีใครพยายามเข้าใกล้ก็หายไปเฉยๆ จนคนเริ่มลือกันว่าเด็กนั้นเป็นผี แต่หลายคนก็แย้งว่า เห็นเด็กมีการเจริญเติบโตเปลี่ยนไป จากตัวเล็กๆ กลายเป็นโตขึ้น ครั้งแรกที่เห็นเหมือนเด็กอายุราวขวบกว่า แต่ตอนนี้เหมือนเด็กราวสี่ขวบ นุ่งผ้าเช็ดตัวเล็กๆ เดินไปมา

วีณาได้ยินเรื่องนี้แล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ความคิดเธอเชื่อมโยงไปกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนั้นวีณาเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านอยู่ที่ซอย 28 เหมือนตอนนี้แหละ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เธอกำลังตกงาน ช่วงที่ยากลำบากนั้นเอง วีณาก็ได้เจอกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง คือพิศที่ตกที่นั่งลำบากเช่นกันเนื่องจากนโยบายลดพนักงานของบริษัทเดิม ร้องไห้มาปรึกษาวีณาว่าไม่มีที่ไปแล้ว ค่าห้องพักก็ค้างมาสองเดือน เจ้าของจะให้ออก วีณาสงสารเลยให้มาอยู่ด้วยไปก่อนโดยไม่รู้ว่า พิศยังมีปัญหาอื่นติดมาด้วย

พิศมาอยู่กับวีณาวันๆ ก็เอาแต่เหม่อลอย ร้องไห้ และเหมือนจะแช็ตคุยกับใครสักคนอยู่ตลอด แต่เนื่องจากเพื่อนไม่ยอมบอก วีณาเลยไม่รู้ว่าตอนนั้นพิศท้องได้สี่เดือนเข้าไปแล้ว แถมยังไปหาซื้อยาเหน็บเร่งคลอดเพื่อจะเอามาเหน็บทำแท้งลูกตัวเองเสียด้วย เย็นวันหนึ่งพอวีณากลับมาถึงบ้าน ก็เจอพิศกำลังห่ออะไรสักอย่างใส่ผ้าขนหนู มือไม้มีแต่เลือด ตัวสั่นหน้าซีด ร้องไห้สะอึกสะอื้น

พอคาดคั้นถามก็ได้ความว่าเหน็บยาจนเด็กหลุดออกมา และตอนนี้ก็อยู่ในห่อผ้า

วีณาตกใจแทบเป็นลม ตอนนั้นทั้งคู่ด้วยความกลัวและสับสน ก็พากันล้างเลือดทำลายหลักฐาน เอาห่อผ้าใส่ถุงดำ วีณาไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาศพเด็กไปโยนทิ้งแถวกองดินในซอย 35 ก่อนพาพิศไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากที่หายดี พิศก็กลับบ้านต่างจังหวัดไป

เรื่องที่พิศทำแท้งและเอาเด็กไปทิ้งตรงนั้นน่าจะมีแค่วีณาที่รู้ แต่พอมีเรื่องคนเห็นเด็กเร่ร่อนตรงนั้นขึ้นมา วีณาก็รู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง ตั้งแต่วันนั้น ราวสี่ปีที่ผ่านมาเธอก็ไม่กล้าผ่านไปที่ซอย 35 อีกเลย

ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ถึงจะไม่ใช่ลูกตัวเอง แต่ก็เหมือนร่วมกระทำความผิด วีณาเลยไปทำบุญ ถวายสังฆทาน และถวายเสื้อผ้าเด็กรวมถึงเครื่องใช้และของเล่นเด็ก ให้กับทางวัดที่กำลังมีโครงการจะไปบริจาคที่บ้านเด็กกำพร้าอีกที ตอนกรวดน้ำ ใจก็ระลึกถึงเด็กที่เธอเคยเอาไปโยนทิ้งไว้ที่ลานดินตรงนั้น ขอให้ได้รับของที่เธอทำบุญให้

เรื่องประหลาดก็คือ หลังจากวันนั้น วีณาก็เริ่มได้ยินคนพูดกันว่า เด็กเร่ร่อนที่กองดิน เดี๋ยวนี้มีเสื้อผ้าใส่สวย สงสัยมีคนเอาไปให้ แถมที่เล่าๆ กันก็เป็นเสื้อ สีเหลืองลายแตงโมแบบ เดียวกับที่วีณาซื้อไปทำบุญไม่ผิดจนเล่นเอาเธอ เริ่มขนลุก

วีณาตัดสินใจโทร.ไปเล่าให้พิศฟัง พิศร้องห่มร้องไห้ทางโทรศัพท์ ตอนนี้เธออยากมีลูกแต่รอเท่าไหร่ก็ไม่ท้อง พิศเลยบอกว่าจะมาหาวีณา จะมาจุดธูปรับลูกกลับไปอยู่กับเธอ

วีณามองว่าเพื่อนออกจะฟุ้งซ่านแต่ก็ยอมพาไปที่กองดินซอย 35 ด้วยความเห็นใจปนหวาดๆหลอนๆ ไปในช่วงพลบค่ำโดยห้อยพระไปจัดเต็มภาวนาว่าขออย่าให้ออกมาจริงๆ ในขณะที่พิศจุดธูปร้องเรียกไปในความเวิ้งว้างของกองดินและกองขยะ น้ำตาไหลพราก แต่ก็ไม่ปรากฏร่างเด็กคนไหนโผล่ออกมาสักคน

แต่ขณะที่ทั้งสองจะพากันปั่นจักรยานกลับกันนั้นเอง วีณาก็ต้องตัวสั่นไปถึงกระดูก ขนลุกเกรียวทั้งตัวแกล้งทำเป็นมีคนโทร.มาให้ไปธุระเพื่อ แยกออกไปอีกทาง ไม่กล้าขับตามพิศกลับไปด้วยกัน…

และจะบอกเพื่อนได้ยังไงเล่าว่าที่เบาะท้ายจักรยานของพิศนั้นตอนนี้มีร่างเล็กๆ ราวเด็กสี่ขวบร่างหนึ่งเปลือยท่อนบนผมเผ้ารุงรังห่อตัวท่อนล่างในผ้าขนหนูเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ นั่งหันหลังจ้องหน้ามาทางวีณาเขม็ง ในขณะที่พิศค่อยๆ ขับจักรยานออกไปทางปากซอย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน