อลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

บ้านอย่างทาวน์เฮาส์ของผมก็เหมือน ทาวน์เฮาส์ทุกที่ที่หลังบ้านต้องชนกับ อีกหลัง บ้านผมกับบ้านหลังติดกันใช้กระจกบานเลื่อนเหมือนกัน แม้จะเป็นกระจกใส แต่บางมุมที่ยืนเอียงๆ มองเข้ากระจก ยิ่งในเวลากลางคืนที่เปิดไฟในตัวบ้านก็มักจะเห็นตัวเองสะท้อนเป็นเงาในกระจก

บ้านผมบ้านใหม่ แต่บ้านหลังติดกันมาทราบภายหลังเข้ามาอาศัยแล้วว่าเจ้าของเดิมอยู่ได้ไม่กี่เดือนก็บอกขายต่อ จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ แต่บ้านของพวกเราก็ติดกันแล้ว ย้ายยกไปไหนไม่ได้

ผมแทบไม่เคยเห็นคนในบ้านหลังบ้านติดกันนี่เลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้คุยกันทักกันเลย นานๆ ครั้งได้ยินเสียงประตูเปิด เสียงเครื่องปั๊มน้ำดัง เสียงคนคุยกันเล็ดลอดมาบ้าน แต่โดยรวมแล้วเงียบกริบ

เข้าเดือนที่สอง ผมสังเกตว่าเวลาลงจากชั้นบนตอนดึกๆ เพื่อดื่มน้ำบริเวณใกล้กระจกที่ผมตั้งเครื่องกรองน้ำไว้ มักจะเจอภาพผู้หญิงคนหนึ่งในกรอบหน้าต่างกระจกจากบ้านหลังติดกันเสมอ หน้าตาของเธอมักจะเศร้า คิ้วสองข้างจะคล้อยลง แววตาที่แห้งผากราวจะมีคำร้องขอ ปากที่เม้มราวกับจะพูดแต่พูดไม่ได้ ผมแปลกใจมาก ทำไมต้องเจอเธอเสมอ

ตอนนั้นภรรยายังอยู่ต่างประเทศ ผมกลับมาเมืองไทยก่อน เพื่อเตรียมการเรื่องบ้านเรื่องการใช้ชีวิตที่เมืองไทย ผมจึงอยู่คนเดียว ปกติผม ไม่กลัวผี ไม่เคยเชื่อเรื่องทำนองนี้ อยู่ทั้งยุโรปและอเมริกามาครึ่งค่อนชีวิตไม่เคยเจอเรื่องพวกนี้เลย ผมมักพูดเล่นเสมอ มาหลอกสิ จะเตะให้

ผมไม่ได้โทร.เล่าให้ภรรยาฟัง เพราะตอนนั้นไม่ได้นึกไปถึงเรื่องอื่นใดเลย นอกจาก ผู้หญิงเพื่อนบ้านที่หน้าตาเศร้าๆ คนหนึ่ง ผมเห็นเธออยู่อย่างนี้ราวสี่ห้าวัน ถัดจากนั้นก็ได้กลิ่นธูปที่แรงมาก ผมเกรงว่าการจุดธูปเช่นนี้อาจทำให้ไฟไหม้ได้ จึงตะโกนเรียกคนในบ้าน ก็ไม่มีใครออกมาสักคน กลิ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนใจไม่ดี

จึงตัดสินใจออกจากบ้านเดินไปที่หน้าบ้านนั้น ผมกดกริ่งเรียกอยู่หายครั้งก็ไม่มีใครออกมา จึงตัดสินใจปีนรั้วเข้าไป เพราะสังเกตเห็นกลอนบานเลื่อนประตูหน้าไม่ได้สับลงเพื่อล็อก ผมเลื่อนออกแล้วก้าวเข้าไปตามกลิ่นธูป

ตอนแรกผมตะโกนเรียกก่อน แต่ไม่มีใครตอบเลย ผมจึงกดสวิตช์ข้างผนังเปิดไฟให้สว่างทั้งหลัง แล้วขึ้นตามกลิ่นธูปไปด้านบน กลิ่นที่แรงมากจนผมกลัวว่าเปิดไปแล้วจะเห็นภาพไฟกำลังลุก ทว่าเมื่อผลักประตูเปิดผมกลับพบภาพผู้หญิงกำลังนอนหายใจรวยริน เธอกำลังโป๊ ผมจึงคว้าผ้าห่มขึ้นห่มเธอ เป็นห้องนอนใหญ่ซึ่งก็คงเหมือนกันทุกหลังที่ห้องตรงกลางเป็นห้องใหญ่ ผมถามเธอว่าเป็นอะไรไป แล้วก็นึกด่าตัวเอง คนนอนสลบไสลขนาดนี้แล้ว คงหมดสภาพตอบไม่ได้หรอก แล้วผมก็อุ้มเธอเตรียมพาไปส่งโรงพยาบาล

ลงมาถึงตรงครัวผมก็พบผู้ชายผู้หญิงถึงสี่คน ถามผมว่าเกิดอะไรหรือ ผมบอกจะพาผู้หญิงคนนี้ไปส่งโรงพยาบาล

“ไหน” หนึ่งในนั้นถามผม แล้วผมก็ก้มลงดูอ้อมแขนของผม ปรากฏว่าไม่มีผู้หญิงในอ้อมแขนที่ผมกำลังทำท่าอุ้มอยู่ด้วยซ้ำ ผมวิ่งขึ้นข้างบนอย่างไม่ได้สนใจใคร ปรากฏว่าในห้องที่เมื่อครู่เข้าไปกลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น

กลับเป็นภาพในกระจกฝั่งบ้านของผมที่ติดกัน กำลังสะท้อนเงา ผู้หญิงคนหนึ่งยืนทำหน้าเศร้า มองมาที่ผม น่าประหลาด จะเป็นไปได้ยังไง ที่ผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ในบ้านของผม!

ผมรีบเดินอ้อมกลับไปที่บ้านตัวเองเปิดประตูเข้าไปด้วยใจหวั่น มองไปรอบๆ บ้าน บอกตัวเองว่าผีไม่มีจริง มีแต่ความคิดคนปรุงแต่งกันไปเองทั้งนั้น แต่กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ทำเอาใจแกว่ง ผมใจสั่นและหวาดผวาขึ้นมาอย่างรุนแรงจนหายใจแทบไม่ออก ต้องออกมาสูดอากาศที่ด้านนอกบ้าน

ตอนนี้เองที่ผมเริ่มคิดถึงภรรยา เริ่มสับสน ว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่ ต่างประเทศหรือกลับมาแล้ว หรือแท้จริงแล้วเธอยังไม่ได้ไปกันแน่ แล้วผมก็นึกถึงวันที่เธอกำลังจะออกเดินทางกลับไปอีกครั้ง เธอร้องไห้ เศร้า ขอหย่ากับผมและกลับไปอยู่เมืองนอก เราทะเลาะกันรุนแรงมาก

คิดถึงตอนนั้นก็ใจหาย ผมอยากคุยกับเธออย่างรุนแรง ทั้งกลัวผีข้างบ้าน จึงรีบเดินกลับเข้าบ้านอีกเมื่อถึงบริเวณโบกปูนใต้ชานบันไดช่วงแรก ก็นั่งลง เคาะที่พื้นชานที่ปูกระเบื้องลายสวยเรียบร้อยงดงามแบบที่ภรรยาเคยชอบ ก่อนแนบหน้าลงกับพื้นแล้วพูดว่า “เธอยังอยู่ดีไหมที่รัก พี่ว่าจะไม่เล่าให้เธอกลัวหรอก แต่พี่เห็นผีอีกแล้ว ผีที่บ้านด้านหลังติดกับเรานั่นแหละ มันชอบยืนทำหน้าเศร้า เหมือนอยากให้พี่ไปหา ให้พี่ไปช่วย วันนี้พี่เห็นผีอยู่ในบ้านเราด้วยนะ มันยืนทำหน้าเศร้าเหมือนกัน เหมือนเธอวันนั้นเลย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน