คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดครั้งนั้น ถ้าผม ไม่ได้เล่าคงตายตาไม่หลับ

ผมกับเธอพบกันโดยบังเอิญบนรถเมล์สาย 8 รถเมล์สายหฤโหด เป็นตำนานของคนขึ้นรถเมล์ คนกรุง ผมเด็กต่างจังหวัดเช่นเดียวกันกับเธอ พ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวย เราจึงต้องส่งตัวเองเรียน ผมพบกับเธอตอนทำงานที่ร้านไอศกรีมชื่อดังแห่งหนึ่ง ผมทำหน้าที่ตักไอศกรีม เธอทำหน้าที่เสิร์ฟให้ลูกค้า เราคบหาดูใจกันหลังจากผมจีบเธอนานกว่าสามเดือน จากนั้นเธอก็ย้ายมาอยู่ห้องผม ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน กลับบ้านด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน…

วันหยุดยาวหนึ่ง ผมชวนเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดฉลองความรักของเราครบสองปี เราสนุกและมีความสุขกันมาก และสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิด ไม่เคยนึกฝันมาก่อนในชีวิตก็เกิดขึ้น สายวันรุ่งขึ้นรถทัวร์ที่เรานั่งกลับประสบอุบัติเหตุตกเหว กว่ากู้ภัยจะนำศพเธอขึ้นมาได้ก็เข้าวันที่สามแล้ว แต่เธอไม่ได้มีสภาพเหมือนคนเสียชีวิตมาสามวันแล้วเลย!

เจ้าหน้าที่ประหลาดใจกันมาก ตอนแรกต่างคิดว่าเธออาจจะเพิ่งเสียชีวิต หลังจากรถตกไปหลายวัน ตอนแรกผมโมโหเจ้าหน้าที่กู้ภัยมากที่ชักช้าไม่ลงไปช่วยแต่แรก แต่พอคุณหมอชันสูตรพลิกศพหมอก็ยืนยันว่าเธอเสียชีวิตสามวันมาแล้วจริงๆ

พ่อแม่เธอและพ่อแม่ผมต่างเดินทางมาถึง โรงพยาบาลในเมืองของจังหวัดที่เกิดเหตุ พ่อแม่เธอนำศพกลับไปสวดที่บ้านเกิด พ่อแม่ผมและ ผมตามไปด้วย ตลอดการเดินทางนำศพกลับผม นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ผมเฝ้าโทษตัวเองที่ไม่น่าชวนเธอมาที่นั่นเลย ขณะผมนั่งนิ่งเอาแต่ร้องไห้ข้างศพเธอนั้น สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผมเห็นน้ำตาเธอไหลจากศพ ผมตกใจ ไม่แน่ใจ จึงก้มมองลงใกล้ๆ ผมทั้งตกใจ แปลกใจและดีใจอย่างปะปนกัน ผมเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนที่นั่งมาด้วยให้ดู เขาก็แปลกใจ เขาบอกว่าทำงานใกล้ชิดศพอย่างนี้มาหลายร้อยศพแล้วไม่เคยเห็นเลย

ผมยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ พูดไม่ออก จนเจ้าหน้าที่ต้องพูดปลอบใจ “คุณๆ อย่าร้องไห้เลย แฟนคุณจะร้องตามนะ” เหมือนผมได้สติ พยายามเช็ดน้ำตาแล้วก้มลงจูบเธอที่หน้าผาก ปรากฏว่าผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายเธอที่แผ่ซ่านผ่านสู่ริมฝีปากผม

“เธอยังไม่ตาย” ผมร้อง

เจ้าหน้าที่มองร่างเธอแล้วจับชีพจรที่คอ ก่อนจะพูดว่า “เธอตายแล้วครับ”

“แต่ตะกี๊ ผม…รู้สึกว่าตัวเธออุ่น”

“ใจคุณคงอยากให้เป็นอย่างนั้น ทำให้ใจคุณคิดไปเอง” เจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกกับผมอย่างอ่อนโยน เขาคงพยายามจะช่วยปลุกปลอบใจแก่ผม

ผมพยายามกลั้นลูกสะอื้น เขาพูดต่อ “เธอไปแล้ว คนอยู่ข้างหลังคงได้แต่อยู่ต่อไปให้ได้”

ผมอายุเพียง 25 ปี ชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยต้องเศร้าโศกเสียใจ แม้แต่แมวตาย หมาตายก็ไม่เคยมีกับเขา การต้องมายอมรับความตายที่มาเยือนแก่คนใกล้ตัวผมจึงทำใจไม่ได้

ตลอดงานศพสามวันผมแทบไม่รับรู้อะไรเลย จนกระทั่งสวดสามวันผ่านไป ตอนเขาจะเผาเธอ แม่กระซิบให้ผมไปลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย เขาเปิดฝาโลงให้เฉพาะคนใกล้ชิดได้กล่าวคำอำลา และทุกคนก็เห็นเหมือนกับที่ผมเห็น เธอมีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางยาว คิ้วเธอขยับไปมา หางตาเธอกระตุก ปากเธอขยับ แขนเธอเคลื่อนไหว ขาเธอเคลื่อนไหว แล้วเธอก็หายใจ!!

แฟนผมเธอไม่ตายครับ เธอฟื้นคืนมาอีกครั้ง ทว่าเธอยังงุนงง พอๆ กับทุกคนในที่นั้น เมื่อผมตั้งสติได้รีบตะโกนขอรถ แล้วผมก็ขับพาเธอไปโรงพยาบาล

เธอฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งอย่างปาฏิหาริย์ หมอ ทุกคนไม่ทราบเหตุผล โชคดีที่ไม่มีการชันสูตรพลิกศพจริงในวันนั้น หมอที่โรงพยาบาลนั่นโกหกผม ไม่อย่างนั้นคงฉีดฟอร์มาลีนเข้าร่างกายเธอและเธอคงตายไปจริงๆ ตั้งแต่วันนั้น

เธออยู่ในโรงพยาบาลอีกห้าวันเพื่อให้หมอตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อยืนยันการฟื้นคืนชีวิตจริงและเก็บรายละเอียดจากร่างกายเธอมากมาย รวมทั้งการตอบคำถามสารพัด ทุกคนดีใจมากแต่ไม่ใช่ผมและครอบครัวเธอ เพราะเธอไม่ใช่แฟนคนเก่าของผมแม้แต่น้อย

เธอจำพ่อแม่ไม่ได้ จำผมไม่ได้ จำทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอไม่ได้ ประหนึ่งเธอฟื้นขึ้นมาและกลายเป็นอีกคนไป เธอพูดจา เดินเหิน มีชีวิตอย่างคนอายุ 25 ปีและผู้หญิงทั่วไปได้ตามปกติ เพียงแต่เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเธอเลย หมอเองอธิบายไม่ได้หมด สรุปแต่เพียงว่า อุบัติเหตุได้พรากความทรงจำเธอไปหมด สมองเธอได้รับกระทบกระเทือนแน่นอนจึงส่งผลเช่นนี้ แต่หาคำอธิบายไม่ได้

เราไม่ได้คบหาเป็นแฟนกันอีกต่อไป แม้เธอจะยังอยู่กับครอบครัว แต่ชีวิตครอบครัวเธอก็ไม่มีความสุข เธอกลายเป็นอีกคนที่อารมณ์ร้อน สร้างแต่ปัญหา ผมเคยพบเธออีกหลายครั้งแต่ไม่ได้คุยกัน เธอไม่สนใจแม้แต่จะมองหน้าผมเสียด้วยซ้ำ พ่อแม่เธอมีแต่ความเศร้าทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องเธอ กับผม พ่อเธอพูดว่า “เธอตายไปน่าจะดีกว่า”

ทุกวันนี้ผมไม่ได้พบเธออีกแล้ว เธอได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำหลังจากผ่านความตายครั้งแรกมาได้ไม่ถึง 5 ปี

ปิดฉากเรื่องของเราลงเท่านั้น ถูกของพ่อเธอ เธอตายไปตั้งแต่ตอนนั้นน่าจะดีกว่า…

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน