คอลัมน์ ข่าวสดหลากหลาย

สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไม่เพียงถูกตรวจสอบการทำงานจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) อย่างเข้มข้นใน ปี 2559 แต่ยังเป็นปีที่ทำงานอย่างแข็งขันด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสสส. แถลงผลการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ ปี 2559 และก้าวต่อไปของ สสส.” ในโอกาสครบรอบการบริหารงาน 1 ปี

เริ่มจากงานงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ บูรณาการ ขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตในประเด็นสุขภาพต่างๆ ของประชาชนทุกช่วงวัยร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น

สนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาพทั้งสิ้น 2,401 โครงการ มีผู้รับทุนรายใหม่ 2,859 ราย/องค์กร ให้ความสำคัญกับการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยสนับสนุนและผลักดันนโยบาย กฎหมาย และมาตรการสำคัญด้านการสร้างเสริม สุขภาพทั้งระดับชาติและท้องถิ่นกว่า 40 นโยบาย

อาทิ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. … ที่รัฐบาลเสนอผ่านความเห็นชอบจากสนช.ออกเป็นกฎหมาย ผลสำรวจล่าสุดปี 2558 มีผู้สูบบุหรี่ 10.9 ล้านคน เป็นเยาวชนและวัยรุ่น อายุ 15-24 ปี มากถึงร้อยละ 28 กฎหมายนี้จะช่วยควบคุมการเข้าถึงบุหรี่ของเด็กและเยาวชนได้

คำสั่ง คสช. เรื่อง มาตรการการแก้ปัญหาดื่มไม่ขับ ในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ซึ่งสถิติการดื่มของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ในปี 2558 อยู่ที่ 6.95 ลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อคนต่อปี ลดลงจากปี 2544 อยู่ที่ 7.39 ลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อคนต่อปี และพ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 เด็กและเยาวชนจะได้รับสิทธิประโยชน์การเข้าถึงการเรียนเพศศึกษาและรับสวัสดิการทางสังคมและบริการอนามัยเจริญพันธุ์อย่างทั่วถึง

สสส.จะร่วมสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายและนโยบายเหล่านี้กับภาคส่วนต่างๆ ให้เกิดผลทางปฏิบัติต่อไป

ส่วนงานสำคัญๆ ได้แก่ 1.ความสำเร็จของบทบาทประเทศไทยเป็นผู้นำการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติว่าด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและสุขภาพ ครั้งที่ 6 เกิดปฏิญญากรุงเทพฯ ขึ้นเป็นหลักการดำเนินงานกิจกรรมทางกายในประชาคมโลก และในการนำเข้ารายงานต่อคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้ส่วนงานราชการจัดกิจกรรมทางกายเป็นประจำทุกวันพุธ ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก ยกย่องให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านกิจกรรมทางกายของโลก

ทั้งนี้ สสส.ยังร่วมร่างแผนปฏิบัติการการมีกิจกรรมทางกาย เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 71 ในปี 2561

2.ขยายฐานผู้รับผลประโยชน์เข้าถึงองค์ความรู้การสร้างเสริมสุขภาพผ่านศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. และขยายศูนย์ ภูมิภาคอีก 4 แห่ง มีประชาชนมาใช้บริการทุกช่องทางเกือบ 4 ล้านคนหรือครั้ง เพิ่มจากปีที่แล้วเกือบ 150 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจความพึงพอใจ ผู้ใช้บริการมีแนวคิดอยากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 83.2 เปอร์เซ็นต์ และสามารถนำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน 81 เปอร์เซ็นต์

3.พัฒนาและขยายพื้นที่สุขภาวะทั่วประเทศกว่าหนึ่งหมื่นแห่ง พัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้เป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาเด็กปฐมวัยขยายผลมากกว่า 700 แห่ง ครอบคลุมเด็กเล็กเกือบ 4 แสนคน พัฒนาหลักสูตรลูกเสือเพิ่มทักษะชีวิตในโรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

พัฒนาศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเด็กไทยแก้มใส 118 แห่ง เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ 2,615 แห่ง สนับสนุนการจัดการชุมชนน่าอยู่ผ่านกลไกสภาผู้นำชุมชน 2,700 หมู่บ้าน องค์กรสุขภาวะ 6,611 องค์กร พื้นที่สุขภาวะกิจกรรมทางกาย 741 แห่ง จังหวัดต้นแบบปลอดบุหรี่ 32 จังหวัด และ 1 พื้นที่พิเศษ พื้นที่ปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย 4,400 แห่ง งานบุญประเพณีปลอดเหล้า 167 งาน งดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2559 มีประชาชนเข้าร่วม 12 ล้านคน งดตลอด 3 เดือน 5.8 ล้านคน ประหยัดค่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 13,459 ล้านบาท

4.สร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ สนับสนุนและพัฒนารูปแบบการจ้างงานคนพิการทำงานในชุมชน โดยประสานความร่วมมือภาคประชาสังคม และท้องถิ่นกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน และสถานประกอบการ สร้างความเข้าใจเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติของชุมชนและสังคม ให้ความรู้ฝึกทักษะ อาชีพแก่คนพิการ ส่งผลให้เกิดเป้าหมายการจ้างงานคนพิการเพิ่ม 16,000 คนและภาคเอกชนร่วมจ้างเพิ่มไปแล้วกว่า 8,000 ตำแหน่ง สร้างรายได้ให้แก่คนพิการเพิ่มในปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 140 ล้านบาท

สําหรับยุทธศาสตร์การทำงานในปี 2560 ที่ได้รับการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนที่มีรองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นประธาน จำนวน 15 แผน มีตัวอย่างจุดเน้นสำคัญ เช่น คือ

1.ยกระดับ สสส. ให้เป็นสถาบันการเรียนรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (Thai Health Academy) ศูนย์กลางการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ โดยใช้บทเรียนและประสบการณ์การทำงานของ สสส. กว่า 10 ปี พัฒนาเป็นองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาคนทำงานสร้างเสริมสุขภาพทั้งในนักสร้างเสริมสุขภาพชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ได้วางรากฐานและเริ่มดำเนินการแล้ว คาดว่าจะสำเร็จในเชิงสถาบันเต็มรูปแบบภายใน 3 ปี จากนี้

2.จัดการปัญหาบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่สำคัญด้วยมาตรการทางสังคมเสริมกฎหมาย โดยเฉพาะการสนับสนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. … ให้บังคับใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการทำงานร่วมกัน โดยเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ของ อสม. และเครือข่ายหมออนามัย เฝ้าระวัง ให้ความรู้และรณรงค์ในประชาชนในพื้นที่ ลด ละ เลิก บุหรี่ และสุรา โดยมีโครงการสำคัญคือ “3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน”

และ 3. ยังคงพัฒนาและขยายพื้นที่สุขภาวะทั่วประเทศที่ยังเดินหน้าสืบเนื่องต่อไป ทั้งเพิ่มจำนวนและเชิงคุณภาพที่ยกระดับจากการจัดการความรู้และศูนย์เรียนรู้ต่างๆ โดยรับโจทย์ของภาคและท้องถิ่นผ่านกลไกเขตสุขภาพเพื่อประชาชนมากขึ้น

ในปี 2560 ทางสสส.ยังมีอีกหลายโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมรอการดำเนินการอยู่อีกมากภายใต้เป้าหมายร่วมกันคือ การสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่บุคคล ชุมชน และสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน