“เสถียร จันทิมาธร”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายว่า ครั้นเวลาค่ำซุนกวนก็นอนพูดจากับโลซกเตียงเดียวกัน ซุนกวนมีความรักจึงเอาขาก่ายโลซกแล้วว่า

“ทุกวันนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้เสวยราชสมบัติแผ่นดินก็เป็นจลาจลต่างๆ เราเห็นว่าบ้านเมืองจะร่วงโรยสาบสูญอยู่แล้ว ซึ่งเราได้รักษาเมืองแทนซุนเซกผู้พี่เราคิดจะใคร่ทำการให้กว้างขวางใหญ่หลวงออกไปให้เหมือนครั้งพระเจ้าจิ๋นบุ๋นก๋งเสวยราชสมบัติ

“แลหัวเมืองทั้งปวงกล้าแข็งทำการหยาบช้าต่างๆ ฝ่ายจิ๋นบุ๋นก๋งกับเจ๋ฮวนก๋งเป็นมหาอุปราชคิดอ่านปราบปรามหัวเมืองราบคาบอ่อนน้อมอยู่ในอำนาจสิ้น บ้านเมืองจึงเป็นสุขสืบมา ซึ่งเราคิดทั้งนี้ท่านจะเห็นประการใด”

โลซกจึงตอบว่า “ท่านคิดทั้งนี้ก็ชอบอยู่แต่จะด่วนทำการใหญ่ให้กว้างขวางเหมือนจิ๋นบุ๋นก๋งกับเจ๋ฮวนก๋งนั้นยังไม่ได้

“ซึ่งแผ่นดินทุกวันนี้เป็นจลาจลอยู่เห็นพระเจ้าเหี้ยนเต้จะไม่ครองราชสมบัติไปได้โดยปกตินั้นก็จริง แต่บัดนี้โจโฉได้เป็นมหาอุปราช มีสติปัญญาอยู่ ทั้งทหารก็มีฝีมือเป็นอันมากแลท่านจะคิดหักหาญเอาโดยเร็วไม่ได้ แลอ้วนเสี้ยวก็ทำศึกขับเคี่ยวกันอยู่กับโจโฉ

“อันเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วกับอุยจอเจ้าเมืองกังแฮนั้นเป็นเสี้ยนหนามอยู่ใกล้เมืองเรา ขอให้ท่านคิดอ่านกำจัดเล่าเปียวกับอุยจอเสียก่อน

“แล้วจึงค่อยคิดการใหญ่ต่อไป”

สํานวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า วันหนึ่งเมื่อสิ้นงานเมืองแล้วขุนนางทั้งปวงพากันกลับ ซุนกวนขอให้โลซกอยู่ดื่มสุรากันต่อ พอค่ำก็ชวนโลซกนอนเตียงเดียวกัน

ตกดึกซุนกวนถามโลซกว่า

“เวลานี้ราชวงศ์ฮั่นกำลังมีภัย เกิดการจลาจลวุ่นวายทั่วไปทั้งแผ่นดิน ข้าพเจ้าเข้ามารับภาระแทนพ่อและพี่ต่อไป ก็ครุ่นคิดอยู่ว่าจะปกครองบ้านเมืองให้ได้เหมือนฮวนก๋งกับบุ๋นก๋งในสมัยโบราณขอท่านโปรดแนะนำว่าข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไร”

โลซกจึงว่า “ในสมัยพระเจ้าฮั่นโกโจนั้นมีพระราชปรารถนาจะยกย่องและช่วยเหลืออี้ตี้แต่ทำไปไม่ได้เพราะเซี่ยงอวี่ขวางไว้ ทุกวันนี้โจโฉก็เปรียบเสมือนเซี่ยงอวี่ แล้วท่านจะเป็นดังฮวนก๋งกับบุ๋นก๋งได้อย่างไร ตามความเห็นอันต่ำต้อยของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าราชวงศ์ฮั่นไม่มีทางจะดำรงยืนต่อไปได้อีกแล้ว

“การซึ่งเราจะคิดกำจัด โจโฉในขณะนี้นั้นยังทำไม่ได้

ท่านควรจะบำรุงรักษาฐานะของท่านไว้ให้มั่นคง และถือโอกาสในขณะที่ทางด้านเหนือของเรากำลังวุ่นวายยกทัพไปกำจัดหองจอกับ เล่าเปียวเสียก่อนท่านก็จะเป็นใหญ่ตลอดลำน้ำนี้ (แยงซีเกียง) แล้วจึงค่อยตั้งตนเป็นฮ่องเต้หรือเป็นอ๋องครองใต้ฟ้าเสียเองต่อไป

“ทำอย่างนี้จึงจะชื่อว่าเจริญรอยพระบาทของพระเจ้าฮั่นโกโจ”

สํานวนแปล พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช บรรยายว่า กลางดึกซุนเฉวียนถามหลู่ซู่ “ทุกวันนี้ราชวงศ์ฮั่นเสื่อมทรุด ทั่วแผ่นดินวุ่นวาย ข้าพเจ้ารับสืบทอดภารกิจต่อจากพ่อ พี่ชายคิดว่าอยากจะทำอย่างหวนเหวินซึ่งคอยคุ้มครองโอรสสวรรค์ท่านช่วยชี้แนะข้าพเจ้าด้วย”

หลู่ซู่ว่า “อดีตฮั่นเกาจู่ต้องการปกป้องอี้ตี้แต่ไม่สำเร็จ อี้ตี้ถูกเซี่ยงอวี่ทำร้าย ทุกวันนี้เฉาเชาก็เหมือนเซี่ยงอวี่ท่านไม่สามารถแสดงบทบาทเหมือนหวนเหวินได้

“ข้าพเจ้าคิดว่า ราชวงศ์ฮั่นไม่อาจฟื้นขึ้นได้อีก เฉาเชาคงไม่ถูกกำจัดไปในทันทีขอให้ท่านรักษาดินแดนเจียงตงให้มั่นคง คอยดูสถานการณ์ของบ้านเมือง ฉวยโอกาส ขณะที่ภาคเหนือวุ่นวายยกทัพปราบหวงจู๋และหลินเปี่ยวเพื่อยึดครองดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำแยงซีทั้งหมดไว้

“จากนั้นท่านก็สถาปนาตนเป็นฮ่องเต้เพื่อชิงบ้านเมืองเฉกเช่นพระเจ้าฮั่นเกาจู่”

ซุนเฉวียนได้ยินดีใจถึงกับลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณ รุ่งขึ้นให้รางวัลหลู่ซู่เอาเสื้อผ้า แพรพรรณผ้าม่านต่างๆ ไปให้มารดาหลู่ซู่

จากนั้น “ฮว่อหยี่เจีย” สรุปตามสำนวนแปลของ บุญศักดิ์ แสงระวี ว่า

“นโยบายบนยี่ภู่” เสนอขึ้นมาเมื่อปีเจี้ยนอันที่ 5 ตกค.ศ.200 ในตอนนั้น “ทางเหนือกำลังวุ่นวาย” กลุ่มโจโฉกับอ้วนเสี้ยวกำลังเตรียมการสู้รบขั้นแตกหัก

อ้วนเสี้ยวมีกำลังเข้มแข็งกว่าโจโฉ โจโฉไม่มีเงื่อนไขที่จะรบชนะแต่อย่างใดเลย

แต่โลซกกลับสามารถที่จะระบุว่า ศัตรูสำคัญของง่อก๊กคือโจโฉ แสดงว่าเขามีสายตาแหลมคมพอสมควร โลซกเห็นว่าควรจะฉวยโอกาสที่โจโฉยังไม่มีปัญญาจะมายุ่งกับภาคใต้เข้ายึดอาณาบริเวณเกงจิ๋วเอาไว้ก่อน

“ครองลุ่มแม่น้ำฉางเจียงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

การวิเคราะห์นับว่าได้เริ่มต้นจากความเป็นจริง สอดคล้องกับสถานการณ์ ภววิสัยโดยสิ้นเชิง เป็นการกำหนดนโยบายที่ดีที่สุดเท่าที่ง่อก๊กสามารถจะทำได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน