“เสถียร จันทิมาธร”
จากนี้จึงเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์กังตั๋งที่เริ่มจากปราบหองจอ แห่งเมืองกังแฮ นั้นมีผลสะเทือนไปยังเมืองเกงจิ๋ว ของเล่าเปียว อย่างมิอาจเลี่ยงได้พ้น
ทาง 1 หองจอเตรียมหนีไปยังเกงจิ๋ว ทาง 1 กำเหลงสังหารหองจอ สร้างความดีความชอบ
สามก๊กสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า ซุนกวนมีความยินดีจึงให้เอาศีรษะหองจอใส่ถังผนึกไว้แล้วว่า
“ถ้าเรากลับไปถึงเมืองจะได้เอาศีรษะหองจอนี้เซ่นศพบิดาเราให้หายความแค้น”
จึงตั้งกำเหลงให้เป็นนายทหารแล้วปรึกษากับเตียวเจียวว่า “เราจะคิดทำการต่อไป จำจะต้องแบ่งทหารให้อยู่รักษาเมืองกังแฮบ้างหรือประการใด”
เตียวเจียวจึงว่า
“อันเมืองกังแฮนี้เป็นทางเปลี่ยวกันดารนักจะแบ่งทหารให้อยู่รักษานั้นไม่ได้ ประการหนึ่งซึ่งท่านจะยกไปตีเมืองเกงจิ๋วนั้นเห็นทหารจะได้ความลำบาก เพราะเหตุว่าเล่าเปียวรู้ตัวก็จะตระเตรียมป้องกันรักษาเมืองไว้เป็นมั่นคง
“ขอให้ท่านยกกองทัพกลับไปเมืองกังตั๋งก่อนบำรุงทหารไว้ให้มีกำลัง ฝ่ายเล่าเปียวรู้ว่าหองจอตายแล้วก็จะมีใจโกรธเห็นจะยกทัพมาตีเมืองกังตั๋งหวังจะแก้แค้น ซึ่งเสียหองจอนั้นเราจึงยกออกตั้งรบพุ่งนอกเมืองแล้วคิดอ่านเป็นกลอุบายเห็นจะจับตัวเล่าเปียวได้”
ซุนกวนเห็นชอบด้วยจึงเลิกกองทัพ
สถานการณ์หลังศึกกัวต๋อจึงเป็นสถานการณ์ที่ ด้าน 1 โจโฉเริ่มขยายอำนาจ ยึดครองเขตอิทธิพลเก่าของอ้วนเสี้ยวได้เป็นลำดับ
ผลก็คือ เล่าปี่แตกทัพจากจงหยวนเข้ามาอยู่ในดินแดนเกงจิ๋ว
ขณะเดียวกัน ด้าน 1 ซุนกวนยังดำรงจุดมุ่งหมายที่จะเข้ามายึดครองเกงจิ๋ว เช่นเดียวกับ เล่าปี่เองก็เข้ามาอยู่ในร่มเงาของเล่าเปียว
ความน่าสนใจก็ตรงที่เล่าปี่ได้ขงเบ้งมาเป็น “ที่ปรึกษา”
ทั้งหมดอยู่ในห้วงเวลาระหว่าง ค.ศ.207 ต่อเนื่องไปยัง ค.ศ.208 เป็นสถานการณ์ที่ไม่เพียงแต่ทางซุนกวนอยู่ระหว่างดำเนิน “ยุทธศาสตร์กังตั๋ง” ตามแนวทาง “นโยบายยี่ภู่” ของโลซก
หากแต่ขงเบ้งก็พยายามผลักดันแนวทางแห่ง “แถลง การณ์ลงจง” อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เล่าปี่มีที่ยืนและมีสถานะ
เห็นได้จากคำชี้แนะของขงเบ้งต่อเล่าปี่ที่ว่า
“แม้เล่าเปียวจะให้ท่านยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งท่านอย่าเพิ่งรับปาก จงว่ากล่าวบิดพลิ้วว่าจะขอกลับมาจัดแจงการเมืองซินเอี๋ยก่อน”
ขอให้พิจารณาสถาน การณ์ระหว่างเล่าเปียวกับเล่าปี่อย่างละเอียด
เล่าเปียวจึงว่า “บัดนี้ซุนกวนยกกองทัพมาตีเมืองกังแฮฆ่าหองจอเสีย เราจึงเชิญท่านมาปรึกษาราชการหวังจะให้ยกไปตีเมืองกังตั๋งจะได้แก้แค้นแทนเรา”
เล่าปี่แจ้งดังนั้นจึงตอบว่า
“หองจอเป็นคนหยาบช้าหาความคิดมิได้ แล้วก็ไม่รู้จักเลี้ยงคนดีจึงมีภัยมาถึงตัว ซึ่งท่านจะให้ยกไปตีเมืองกังตั๋งนั้นแม้รู้ข่าวไปถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉก็จะยกทัพรีบลงมาตีเมืองเกงจิ๋ว ครั้นจะคุมทหารกลับมาช่วยเมืองเราเล่า ฝ่ายกองทัพซุนกวนก็รบติดพันอยู่ เห็นเราจะได้ความขัดสน”
เล่าเปียวเห็นชอบด้วยจึงว่า
“เราทุกวันนี้ก็แก่ชราแล้วทั้งโรคก็เบียดเบียนเนืองๆ เจ้าจงมาอยู่ช่วยว่าราชการเมืองเกงจิ๋วไปพลาง แล้วเราหาบุญไม่เจ้าจงเป็นเจ้าเมืองแทนเราเถิด”
เล่าปี่จึงตอบว่า
“ตัวข้าพเจ้าสติปัญญาแลกำลังก็น้อย แลได้มาพึ่งบุญท่านอยู่นี้คุณหาที่สุดมิได้ซึ่งจะให้ข้าพเจ้าว่าราชการแทนท่านนั้นไม่สมควร แต่คุณของท่านมีอยู่แก่ข้าพเจ้าจะช่วยทำนุบำรุงไปตามสติปัญญา”
สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า ขงเบ้งชายตาให้เล่าปี่ เล่าปี่จึงพูดกับเล่าเปียวว่า “ขอให้ข้าพเจ้าได้กลับไปนึกตรึกตรองหาวิธีการดูก่อนเถิด”
แล้วอำลาเล่าเปียวกลับมายังที่พัก
คําปฏิเสธของเล่าปี่ต่อข้อเสนอจากเล่าเปียวแย้งต่อแนวทางใน “แถลงการณ์หลงจง” ของขงเบ้งที่ให้ไว้เมื่อแรกพบกันอย่างแน่นอน
เพราะว่าเป้า 1 ซึ่งสำคัญของขงเบ้ง คือ เมืองเกงจิ๋ว
“ท่านขุนพลเป็นเชื้อสายกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น ความกล้าหาญเสียสละและเกียรติคุณอันน่าเชื่อถือขจรขจายไปทั่วแผ่นดิน หากท่านยึดเกงจิ๋วและเอ็กจิ๋ว 2 มณฑลนี้ไว้”
อะไรคือเหตุผลของเล่าปี่ การตัดสินใจของเล่าปี่มีผลอย่างไร