“รายงานพิเศษ”

ภาวะยักษ์ หรือ (Gigantism) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยสูงใหญ่กว่าคนปกติ เหตุเกิดจากได้รับฮอร์โมนสร้างความเจริญเติบโตมากเกินไป

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรค Gigantism เรียกอีกอย่างว่า ภาวะยักษ์ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวสูงใหญ่กว่าคนปกติ แต่สัดส่วนของร่างกาย เท่าเดิมทุกอย่าง มักจะเกิดตั้งแต่เด็ก

ซึ่งภาวะนี้มีสาเหตุมาจากในวัยเด็กได้รับฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ที่ชื่อ Growth Hormone (GH) หรือโกรทฮอร์โมน มากเกินไป ซึ่งเกิดจากเนื้องอกต่อมใต้สมองที่สร้างโกรทฮอร์โมน เนื่องจากฮอร์โมนนี้จะทำหน้าที่สร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย

เมื่อร่างกายมีการผลิตโกรทฮอร์โมนมากจนเกินไป จะทำให้ร่างกายใหญ่โต โดยผู้ป่วยในส่วนมาก จะมีความสูงเกิน 200 เซนติเมตร ถ้าเกิดโรคเกิดในวัยเด็กหรือในช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่กระดูกยังมีการเจริญเติบโตอยู่ จะส่งผลให้กระดูก และกล้ามเนื้อเจริญเกินปกติ ผู้ป่วยจึงไม่หยุดสูง จะสูงได้มากๆและตัวใหญ่

โรคนี้ในเด็กจะพบการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายที่เกิดได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจึงมักมาพบแพทย์ได้เร็ว และได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

แต่ถ้าเกิดโรคนี้ในผู้ใหญ่ที่กระดูกหยุดการเจริญเติบโตแล้ว โรคจะดำเนินไปอย่างช้าๆ สภาพร่างกายผู้ป่วยจะค่อยๆ เปลี่ยนไปช้าๆ ไม่สูง หรือไม่ใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจึงมักมาพบแพทย์ล่าช้า จนทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ

นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า อาการที่พบบ่อย ได้แก่ กระดูกยาว กว้าง หนา โดยเฉพาะ กะโหลก และกราม กระดูกเปราะกว่าปกติส่งผลให้กระดูกหักง่าย มีปุ่มกระดูกงอกตามข้อต่างๆ ส่งผลให้ ข้ออักเสบ ข้อเสื่อม ปวดข้อ นิ้วมือ นิ้วเท้า ใหญ่ ห่างจากการหนาตัวของเนื้อเยื่อรอบๆ นิ้ว และโรคกระดูกพรุน

ผิวหนังจะหนา แข็งกว่าปกติ ผิวหยาบ แห้ง แต่ต่อมเหงื่อโตกว่าปกติจึงมีเหงื่อออกมาก กล้ามเนื้อมัดโตแต่กล้ามเนื้ออ่อนแรงกว่าปกติ ลิ้นใหญ่ผิดปกติ ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบมักเกิดโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อหลอดเลือดหนาผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

ก้อนเนื้องอกที่ศีรษะโตจะส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะเรื้อรัง และก้อนอาจโตจนกดประสาทตา ส่งผลให้การเห็นภาพผิดปกติ มีฮอร์โมนเพศผิดปกติ ส่งผลต่อรูปร่างของอวัยวะเพศ ความรู้สึกทางเพศ การเจริญพันธ์ุ และประจำเดือนผิดปกติ(ในผู้หญิง)

โรคนี้จะมีผลต่อต่อมไร้ท่อต่างๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ส่งผลให้การทำงานของต่อมเหล่านี้ผิดปกติ เช่น ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ภาวะต่อมหมวกไตทำงานลดลง หรือทำให้เกิดโรค เบาหวาน

การวินิจฉัยของแพทย์ คือ ซักประวัติ อาการ ตรวจร่างกาย ตรวจเลือดดูระดับโกรทฮอร์โมน และระดับฮอร์โมนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เอกซเรย์กระดูก โดยเฉพาะ กะโหลก กราม มือ เท้า และตรวจภาพต่อมใต้สมองด้วยคอมพิวเตอร์เอกซเรย์ หรือ MRI เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุ อาการ ขนาดก้อนเนื้อ และดุลพินิจของแพทย์ ด้วย 3 วิธีการรักษาที่สำคัญ ได้แก่ การใช้ยาลดหรือต้านการทำงานของโกรทฮอร์โมน การผ่าตัด เนื้องอกต่อมใต้สมอง หรือการฉายรังสีรักษาที่ต่อมใต้สมอง

ทั้งนี้ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เร็วก่อนจะเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ผู้ป่วยมักมีอายุได้ยืนยาวเช่นเดียวกับคนทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน