“เสถียร จันทิมาธร”

ชัยชนะของขงเบ้งต่อทัพของแฮหัวตุ้นอาจเสริมเกียรติภูมิให้กับขงเบ้งภายในทัพของเล่าปี่เป็นอย่างสูง แต่ก็สร้างความหวาดระแวงให้กับโจโฉให้เกิดขึ้นตามมา

สามก๊กสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) สะท้อนบทสรุปของโจโฉว่า

“ทุกวันนี้เรามีความวิตกอยู่แต่เล่าปี่กับซุนกวน 2 คนนี้ใหญ่หลวงนัก นอกกว่านั้นเรามิได้ปรารมภ์เลย แลบัดนี้การศึกก็ได้กระทำติดพันกันเข้าแล้ว จะคิดกำจัดเล่าปี่แลซุนกวนเสียให้จงได้ แผ่นดินจึงจะราบคาบเป็นสุขสืบไป”

โจโฉก็ให้เกณฑ์ทหาร 50 หมื่น ตั้งให้ โจหยิน โจหอง คุมทหาร 10 หมื่นเป็นกองหนึ่ง ให้ เตียวเลี้ยว เตียวคับ คุมทหาร 10 หมื่นเป็นกองสอง ให้ แฮหัวตุ้น กับ แฮหัวเอี๋ยน คุมทหารสิบหมื่นเป็นกองสาม ให้ อิกิ๋ม กับ ลิเตียน คุมทหาร 10 หมื่นเป็นกองสี่

ตั้งให้เคาทูคุมทหาร 3,000 เป็นกองหน้าสำหรับสอดแนม แลโจโฉนั้นคุมทหาร 6 หมื่นเป็นกองหลวง

ขณะเมื่อโจโฉเกณฑ์กองทัพจะยกไปครั้งนั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้เสวยราชสมบัติได้ 13 ปีแล้ว

ถึงเดือน 9 ข้างขึ้นได้ฤกษ์ดี จะให้ยกกองทัพไป

การยกทัพลงภาคใต้ของโจโฉครั้งนี้ ส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง ไม่เพียงแต่ต่อ เกงจิ๋ว หากแต่ยังต่อทัพเล่าปี่ และต่อแคว้นกังตั๋งของ ซุนกวน

ผลก็คือ เล่าเปียวตาย เล่าจ๋องมิอาจรักษาอำนาจไว้ได้คิดยอมสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ

ผลก็คือ กำลังของเล่าปี่ถูกฟาดกระหน่ำต้องถอยร่นออกจากเมืองซินเอี๋ยไปตั้งหลักอยู่เมืองกังแฮ ปากแม่น้ำแฮเค้า อย่างทุลักทุเล

ขณะที่ทัพโจโฉรุกไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด

สํานวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า ฝ่ายตงยี่ ซึ่งอยู่รักษาแคว้นเกงจิ๋วกับเล่าเซียน ที่ปรึกษา ครั้นแจ้งว่า ซงหยงเสียแก่โจโฉแล้ว เห็นว่าไม่สามารถจะสู้ศึกโจโฉได้ จึงนำราษฎรและทหารทั้งปวงออกมาคำนับสวามิภักดิ์โจโฉที่นอกเมืองแล้วเชิญเข้าไปในเมือง

โจโฉจัดแจงให้ราษฎรอยู่เป็นปกติแล้วจึงปรึกษากับขุนนางว่า

“ทุกวันนี้เล่าปี่ไปตั้งอยู่ ณ เมืองกังแฮ ต่อไปภายหน้าหากไปเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเมืองง่อก็จะกลายเป็นพืดติดผูกพันกันไป เป็นภัยแก่เราได้ ทำอย่างไรจึงจะทำลายเล่าปี่เสียได้”

ซุนฮิวแนะนำว่า

“ซึ่งท่านสมุหนายกทำการครั้งนี้ใหญ่หลวงนักชอบที่จะแต่งทูตถือหนังสือไปเชิญ ซุนกวนมาเล่นป่า ณ เมืองกังแฮ แล้วคิดการร่วมกันจับเล่าปี่ให้ได้ จงให้สัญญาว่าถ้าได้ตัวเล่าปี่แล้วจะแบ่งแคว้น เกงจิ๋วให้กึ่งหนึ่ง และจะไม่ทำร้ายกันและกันตลอดไป

“ซุนกวนจะต้องยำเกรงบุญบารมีของท่าน ดีร้ายอาจยอมสวามิภักดิ์ต่อท่านเลยก็ได้”

จากนี้จึงเห็นได้ว่า แม้แนวคิดพื้นฐานของโจโฉต่อเล่าปี่จะเป็นดังที่โจโฉเคยสรุปต่อทหารทั้งปวงเอาไว้ว่า

“เล่าปี่อุปมาเหมือนปลาขังอยู่ในถัง เสือตกอยู่ในหลุม”

มิอาจประมาทได้อย่างเด็ดขาด เพราะ “ถ้าแลจะละเลยเสียให้เล็ดลอดหนีไปได้บัดนี้ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงในมหาสมุทร”

ขณะเดียวกัน ข้อเสนออันมาจากซุนฮิวก็มากด้วยความแยบคาย

นั่นก็คือ ทาง 1 ยื่นมือแห่งไมตรีไปยังซุนกวน ทาง 1 อาศัยไมตรีระหว่างโจโฉกับซุนกวนเพื่อโดดเดี่ยวและบดขยี้ทัพของเล่าปี่

สำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า

โจโฉเห็นด้วยจึงแต่งหนังสือใช้ให้คนถือไปเมืองกังตั๋งแล้วจึงตระเตรียมทัพบก ทัพเรือไว้แสร้งให้กิตติศัพท์เลื่องลือไปว่า ทหารมหาอุปราชยกมาครั้งนี้ 100 หมื่น แลเรือรบซึ่งทอดอยู่ชายทะเลนั้นดังหนึ่งจะเต็มไปทั้งมหาสมุทร

ข้าทัพบกนั้นก็ให้ทำค่ายรายต่อกันออกไประยะทางถึง 3,000 เส้น

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย ระบุ โจโฉสั่งให้เตรียมกำลังทัพบก ทัพเรือ และทัพม้ารวม 83 หมื่น แสร้งปล่อยข่าวให้เลื่องลือไปว่า โจโฉยกมาคราวนี้มีกำลังถึง 100 หมื่น ทัพบก ทัพเรือเคลื่อนมาเต็มทั้งแม่น้ำ

ตั้งค่ายเรียงรายจากด้านตะวันตกระหว่างแคว้นเกงจิ๋วกับเมืองเฉีย ด้านตะวันออก ระหว่างเมืองฉีกับเมืองหลวงติดต่อกันไปยาว 300 กว่าลี้

ถือว่าเป็นสงคราม “ข่าวสาร” สงครามทาง “การทูต” อันมากด้วยความแหลมคม กระหน่ำไปตลอดสายน้ำแยงซีเกียง

กระทบถึงซุนกวน กระทบถึงเล่าปี่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน