“เสถียร จันทิมาธร”
หากดูจากกระบวนการนำเสนอของหลอก้วนจงก็เห็นเด่นชัดอย่างยิ่งว่า ขงเบ้งกับเล่าปี่ได้ร่วมกันวางแผนตั้งแต่ได้ข่าวว่าโลซกจะเดินทางมาแล้ว
ประเมินว่าเจตนาไม่น่าจะเป็นการมาเคารพศพเล่าเปียวเท่านั้น
เพราะว่าขงเบ้งได้สอบถามเล่ากี๋ว่า “แต่กาลก่อนเมื่อครั้งซุนเซกตายนั้นกังแฮส่งคนไปคำนับศพหรือเปล่า”
“เมืองกังตั๋งเป็นอริอยู่กับครอบครัวของข้าพเจ้า เราฆ่าบิดาเขาตายเขาจะส่งคนมาคำนับศพอย่างไรได้” เป็นคำตอบจากเล่ากี๋
ขงเบ้งจึงพูดกับเล่าปี่ว่า
“โลซกมาพบท่านหากพูดจาถามถึงโจโฉขอท่านเจ้านายบ่ายเบี่ยงให้มาถามข้าพเจ้าเถิด”
ฉะนี้เองเมื่อโลซกถาม “ข้าพเจ้าจึงขออาจเอื้อมถามว่า ทหารของโจโฉมีจำนวนมากน้อยสักเพียงใด” คำตอบของเล่าปี่จึงเริ่มต้นด้วย “ทหารของข้าพเจ้ามีน้อย นายทหารฝีมือดีก็มีน้อย ฉะนั้น เมื่อทราบว่าโจโฉยกทัพมาที่ใดข้าพเจ้าก็รีบถอยหนี จึงไม่รู้ความจริงในกองทัพของโจโฉเลย” และลงเอยที่ประโยค
“ก็มีแต่ขงเบ้งเท่านั้นที่จะรู้เรื่องดี”
โลซกถามว่า “ขงเบ้งอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้าขอพบสักหน่อยได้ไหม”
เล่าปี่จึงได้เชิญขงเบ้งออกมาพบโลซก
โลซกกระทำคำนับขงเบ้งแล้วว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเล่าลือสรรเสริญสติปัญญาของท่านเอิกเกริกอื้ออึงนักหนา แต่มิได้มีโอกาสพบปะกระทำคำนับท่านเลย วันนี้เป็นบุญของข้าพเจ้าที่ได้พบท่านจึงใคร่ขอทราบว่า ท่านมีวิธีการอันใดที่จะกู้ภัยที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ได้”
ขงเบ้งตอบว่า “อันกลอุบายของโจโฉนั้นข้าพเจ้ารู้แจ้งทั้งหมด แต่แค้นใจที่มีกำลังน้อยจึงคอยแต่หลบหลีกเอาตัวรอดตลอดมา”
โลซกถามว่า “พระปิตุลาจะหยุดยั้งอยู่ ณ เมืองนี้หรือ”
ขงเบ้งตอบว่า “ท่านเล่าปี่ชอบพอกับอาวสิ้ว เจ้าเมืองซังงาวมาแต่เก่าก่อนกำลังคิดว่าจะผ่อนผันไปขออาศัยอยู่ด้วย”
โลซกพูดว่า “อันเมืองซังงาวนั้นเสบียงอาหารและผู้คนก็น้อย ลำพังตัวเองยังรักษาตัวไว้มิใคร่ได้ ไฉนจะอาจรักษาผู้อื่นได้เล่า”
ขงเบ้งตอบว่า มาตรว่าเราจะอยู่เมืองซังงาว นานๆ มิได้ก็ตามที แต่เมื่อเข้าตาจนหาที่จะอาศัยมิได้ก็จำต้องไปถึงอยู่ก่อน พอตั้งตัวได้แล้วจึงค่อยคิดการอย่างอื่นต่อไป”
ท่วงทำนองของขงเบ้งสุขุมอย่างยิ่ง ดำเนินการตามแผนที่กำหนดวางทุกประการ
โลซกจึงว่า “ท่านแม่ทัพซุนกวนปกครองหัวเมืองต่างๆ ถึง 6 หัวเมือง มีกำลังทหารมากมาย เสบียงอาหารก็บริบูรณ์ยิ่งนัก แลท่านซุนกวนนั้นเคารพนับถือผู้มีสติปัญญาทั้งหลายจึงมีคนดีมีฝีมือในแถบกังตั๋งมาเข้าด้วยเป็นอันมาก
“ท่านเป็นผู้ชำนาญทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี น่าจะส่งคนที่สนิทกับท่านซุนกวนไปพูดจาเพื่อร่วมมือกันจะได้ทำการใหญ่ต่อไปไม่ดีหรือ”
ขงเบ้งตอบว่า “ท่านเล่าปี่กับท่านแม่ทัพซุนกวนไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ถึงจะให้ไปดูก็เกรงจะป่วยการเปล่า อนึ่ง คนที่สนิทสนมรู้ใจซุนกวนจะหาส่งไปก็ไม่มี”
โลซกจึงว่า “พี่ชายของท่านขณะนี้เป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กังตั๋งบ่นหาอยู่ใคร่จะพบท่าน ข้าพเจ้าไม่ใช่คนวิเศษวิโสอะไรดอก แต่ก็ยินดีที่จะพาท่านไปพบกับท่านแม่ทัพซุนกวนได้ เพื่อร่วมกันคิดการใหญ่ต่อไป”
เล่าปี่พูดว่า “ท่านขงเบ้งเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าจะห่างข้าพเจ้าแม้แต่ครู่เดียวก็มิได้ ข้าพเจ้าจะปล่อยให้ท่านขงเบ้งไปกับท่านได้อย่างไร”
โลซกจึงอ้อนวอนขอตัวขงเบ้งไปด้วยกันให้ได้ เล่าปี่แสร้งทำเป็นไม่ยอมท่าเดียว
ในที่สุด ขงเบ้งพูดกับเล่าปี่ว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้คับขันยิ่งนั กขอท่านได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปเถิด”
เล่าปี่จึงทำเป็นยอม
ระหว่างโลซกกับเล่าปี่และขงเบ้งมีความเด่นชัดอย่างยิ่งว่าใครเป็นอย่างไร ใครซื่อๆ ตรงไปตรงมา ใครมากด้วยเหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย
ไม่ว่าสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ไม่ว่าสำนวน วรรณไว พัธโนทัย
ล้วนแสดงออกอย่างสอดรับกับ “กระบวนท่า” ในเชิงวรรณกรรมอันหลอก้วนจงกำหนดวางเอาไว้อย่างแยบยล ยิ่งอ่านลึกลงไปยิ่งมองเห็น “กระบวนท่า” ผ่านทางคำ กริยาและคำคุณศัพท์อันใช้แสดงและใช้ขยายและวางเอาไว้
วางไว้ให้ฝ่ายเล่าปี่ ขงเบ้ง วางไว้ให้ฝ่ายโลซก