“เสถียร จันทิมาธร”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า ซุนกวนโกรธขงเบ้งเป็นกำลังอยู่มิสงบ พอเห็นโลซกเข้าไปจึงว่า

“ขงเบ้งนี้เจรจาหยาบช้าต่อเรานักหนา ไม่มีความเกรงใจเลย”

โลซกจึงว่า “ซึ่งขงเบ้งเจรจาผิดนั้นเมื่อท่านกลับเข้ามาแล้วอยู่ภายหลังข้าพเจ้าก็ได้ต่อว่าขงเบ้งกลับหัวเราะเยาะข้าพเจ้าเสียอีกว่านายท่านหารู้จักคนดีแลชั่วไม่ อันการซึ่งจะคิดกำจัดโจโฉนั้นง่ายเหมือนหนึ่งพลิกมือเราก็คิดได้อยู่ ขงเบ้งว่าฉะนี้ขอให้ท่านกลับออกไปเจรจาด้วย ฟังแยบคายดูอีกครั้งหนึ่งก่อน”

ซุนกวนได้แจ้งดังนั้นก็หายโกรธจึงว่า “ขงเบ้งว่ากล่าวทั้งนี้หวังจะสั่งสอนแต่หากว่าใจเราหุนหันโกรธจะให้เสียการเสียเอง”

แล้วซุนกวนกลับออกมา

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย ซุนกวนกำลังแค้นขงเบ้งอยู่จึงพูดกับโลซกว่า “อ้ายขงเบ้งมันหยามข้าพเจ้ามากเกินไป”

โลซกจึงว่า “ข้าพเจ้าได้ต่อว่าขงเบ้งแล้วแต่ขงเบ้งกลับหัวเราะและพูดว่าท่านเป็นคนเจ้าอารมณ์และวู่วามเกินไป ขงเบ้งมีอุบายที่จะปราบโจโฉได้อย่างแน่นอนแต่ไม่อยากจะเผยเร็วเกินไป ไฉนท่านจึงไม่ขอให้ขงเบ้งชี้แจงให้ท่านทราบเสียเลยทีเดียวเล่า”

ซุนกวนหายโกรธกลับดีใจ พลางว่า “อันขงเบ้งมีกลศึกลึกซึ้งอยู่ในใจจึงแสร้งใช้คำพูดยั่ว เรารู้ไม่ทันเกือบจะเสียการใหญ่ไปเสียแล้ว”

ว่าพลางเดินออกมาพร้อมกับโลซกเพื่อขอให้ขงเบ้งแจ้งอุบายปราบโจโฉ

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช ระบุว่า “ซุนเฉวียนเปลี่ยนจากโกรธ เป็นดีใจ”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เดินหน้าต่อไป แล้วซุนกวนกลับออกมาจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า “เมื่อกี้เรามิทันคิด มาถือโกรธท่านกลับเข้าไปนั้น เราขอ อภัยเถิด”

ขงเบ้งจึงว่า “ซึ่งข้าพเจ้าได้ประมาทเจรจาพลั้งไปให้ท่านเคืองนั้น โทษของข้าพเจ้าก็ผิดอยู่อย่าถือเลย”

ซุนกวนจึงพาขงเบ้งเข้าไปข้างในให้พ้นขุนนางทั้งปวง ให้แต่งโต๊ะเชิญขงเบ้งกิน

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า ซุนกวนจึงเชิญขงเบ้งเข้าไปยังห้องในให้แต่งโต๊ะเลี้ยง

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช บรรยายว่า ซุนเฉวียนเชิญ ข่งหมิงเข้าข้างใน ดื่มสุรา

มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างสามก๊ก 3 สำนวน เพียงแต่สำนวน วรรณไว พัธโนทัย กับสำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช ตรงกัน ขณะที่สำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) แตกออกไปเล็กน้อย

นี่ย่อมสัมพันธ์กับแรกที่ซุนกวนไม่พอใจคำพูดของขงเบ้ง

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า ซุนกวนได้ยินขงเบ้งว่าดังนั้นก็เจ็บใจโกรธ ลุกขึ้นเดินเข้าไปเสียข้างใน

ที่ปรึกษาทั้งปวงเห็นซุนกวนโกรธลุกขึ้นไปดังนั้นก็ชวนกันหัวเราะขงเบ้ง

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า คำพูดของขงเบ้งยังความโกรธให้เกิดแก่ซุนกวนอย่างที่สุดถึงสะบัดแขนเสื้อไปมา พลางลุกขึ้นเดินเข้าไปเสียข้างใน

ขุนนางทั้งปวงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้แก่กันแล้วแยกย้ายกันกลับ

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช บรรยายว่า ซุนเฉวียนได้ฟังโกรธมาก สะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นเข้าข้างใน

คนทั้งหลายต่างก็หัวเราะแยกย้ายกันไป

หากยืนตามสำนวน วรรณไว พัธโนทัย และ พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช บรรดาที่ปรึกษาไม่เหลืออยู่แล้ว

ไม่เหลืออยู่ตั้งแต่ซุนกวนโมโหลุกขึ้นแล้วเดินเข้าข้างใน

การตั้งโต๊ะเสพสุราที่เกิดขึ้นหลังจากซุนกวนหายโกรธ จึงเป็นการตั้งโต๊ะเสพอยู่ “ข้างใน” อันเป็นรโหฐานและส่วนตัวของซุนกวน

จะมีก็แต่เพียงโลซกเท่านั้นที่ร่วมอยู่ในโต๊ะ

ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้เห็นว่า ซุนกวนเป็นบุคคลประเภทโกรธง่ายหายเร็ว และมุ่งประโยชน์เฉพาะหน้าในทางการเมืองมากกว่า

ประโยชน์เฉพาะหน้าก็คือ ทำอย่างไรจะสร้างโอกาสทางการทหาร

ขณะเดียวกัน ความคิดในเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างขงเบ้งกับโลซกก็สอดรับกัน เพราะล้วนเห็นว่าจำเป็นที่ง่อตะวันออกจะต้องเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่เพื่อสัประยุทธ์กับโจโฉ เท่ากับง่อตะวันออกกับเล่าปี่ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน

เพียงแต่โลซกซื่อๆ ตรงๆ เพียงแต่ขงเบ้งมากด้วยเหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน