“เสถียร จันทิมาธร”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า ซุนกวนมีความยินดีจึงว่า “ท่านว่าทั้งนี้ก็เห็นว่าเมตตาเราจริง ดุจจูงมือเราออกมาจากที่มืดสู่ที่สว่าง อันอุบายของท่านบอกให้ประการใดนั้นเราก็จะทำตามทุกประการ เรากับเล่าปี่ก็จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกำจัดโจโฉเสียให้ได้”

แล้วจึงให้โลซกไปบอกแก่ที่ปรึกษาทั้งปวงว่า “บัดนี้เราจะจัดแจงกองทัพไว้ให้พร้อม ถ้าโจโฉยกมาก็จะต่อสู้” แล้วก็ให้โลซกเชิญขงเบ้งออกไปอยู่ที่สำนัก

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า ฝ่ายเตียวเจียวครั้นทราบว่าซุนกวนตัดสินใจรบพุ่งกับโจโฉก็พูดกับขุนนางอื่นๆ ว่า

“นายเราติดกับขงเบ้งเข้าแล้ว”

แล้วรีบพากันมาหาซุนกวน

ตรงนี้สำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ถอดออกมาว่า “นายเราบัดนี้เห็นจะหลงด้วยถ้อยคำของขงเบ้งเป็นมั่นคงอยู่แล้ว”

เช่นเดียวกับสำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช

“จางเจาพอรู้ว่าซุนเฉวียนจะระดมทหาร ก็ปรึกษากับพวกว่า “ถูกแผนเจ้าขงหมิงเข้าแล้ว”

แล้วรีบเข้าพบซุนเฉวียน

นี่เป็นอีกตอนหนึ่งซึ่งสำคัญ สะท้อนให้เห็นว่ากว่าจะตัดสินใจ 1 เป็นพันธมิตรกับเล่าปี่ 1 เพื่อร่วมทำศึกกับโจโฉของซุนกวนใช่ว่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า เตียวเจียวและคณะที่ปรึกษาพากันเข้าไปหาซุนกวนแล้วให้ความเห็นว่า “ข้าพเจ้าทั้งปวงทราบว่าท่านจะคิดอ่านทำการต่อสู้ด้วยโจโฉครั้งนี้ก็มีความวิตกนัก

“ขอให้ท่านตรึกตรองดูก่อน อันตัวท่านกับอ้วนเสี้ยวนั้นยังจะเปรียบกันได้หรือ ด้วยเมื่อครั้งก่อนโจโฉยังมีทหารน้อยยังอาจสามารถกำจัดอ้วนเสี้ยวเอาชัยชนะได้ ครั้งนี้โจโฉมีทหารถึง 100 หมื่น ยกมาประดุจหนึ่งแผ่นดินจะถล่มควรแล้วหรือจะองอาจต่อสู้ด้วยโจโฉ

“ดุจแมลงหวี่อันจะต่อสู้ด้วยช้างสาร เหมือนแบกเอาฟางไปทุ่มเข้าที่กองเพลิง ก็จะเป็นอันตรายเพราะท่านเชื่อฟังคำขงเบ้ง”

ขณะนั้นโกะหยงจึงว่า

“เล่าปี่สู้โจโฉมิได้หนีมาจะคิดเกลี้ยกล่อมขอยืมทหารในเมืองกังตั๋งไปต่อสู้ด้วยโจโฉ เหตุไฉนจึงมาเชื่อฟังถ้อยคำขงเบ้งฉะนี้ ท่านจงตรึกตรอง ดูตามถ้อยคำเตียวเจียวก่อน”

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย ไม่มีอุปมา “แมลงหวี่ต่อสู้ด้วย ช้างสาร” หรือ เหมือนแบกเอา ฟางไปทุ่มเข้าที่กองเพลิง” หากมีเพียง “หากท่านฟังคำขงเบ้งและทำ ศึกกับโจโฉอย่างประมาทก็จะไม่ผิดอะไรกับโยนฟืนลงไปดับไฟนั่นเอง”

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช คือ “ก็จะเหมือนอุ้มฟืนไปช่วยดับไฟ”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายต่อไปว่า ซุนกวนได้ยินที่ปรึกษาทั้งปวงว่า ดังนั้นก็มิรู้แห่งที่จะว่าประการใด นิ่งอ้ำอึ้งอยู่ เตียวเจียวกับที่ปรึกษาทั้งปวงเห็น ซุนกวนนิ่งอยู่ก็อำลาพากันออกไป

โลซกจึงเข้าไปหาซุนกวนว่า “เมื่อกี้ที่ปรึกษาทั้งปวงกับเตียวเจียวเข้ามาทัดทานห้ามท่านมิให้คิดอ่านต่อสู้หวังจะให้ท่านไปอ่อนน้อมแก่โจโฉนั้นปรารถนาเพื่อจะรักษาครอบครัวของตัวเอาความสุขหาเจ็บร้อนด้วยท่านไม่ ดีแต่จะเรียกลมให้เรือเสีย ขอท่านอย่าได้เชื่อถือถ้อยคำคนทั้งปวงเลย”

ซุนกวนได้ฟังโลซกว่าก็นิ่งอยู่

โลซกจึงว่า “ซึ่งท่านจะเชื่อถือคนทั้งปวงนั้นนานไปจะได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก”

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายท่าทีของซุนกวนอย่างเด่นชัด ตั้งแต่หลังจากที่ปรึกษาพูด ก็คือ “ซุนกวนได้ฟังดังนั้น ก็ก้มศีรษะไม่พูดว่าอะไร” และ “ซุนกวนชักลังเล ไม่รู้ว่าจะสู้หรือยอมแพ้ดี”

แม้โลซกมาแย้ง “ข้าพเจ้าหวังว่าท่านคงจะไม่ฟังคำของบุคคลเหล่านี้” แต่ท่าที “ซุนกวนฟังแล้วก็ยังคงลังเลอยู่”

แม้โลซกสำทับ “ถ้าท่านลังเลเช่นนี้ก็จะต้องออกนอกลู่นอกทางไปด้วยบุคคลเหล่านี้ เป็นแน่”

ซุนกวนจึงว่า “รอสักประเดี๋ยวก่อนเถิด ขอให้ข้าพเจ้าคิดให้รอบคอบสักหน่อย”

ลซกจึงออกไป

ระหว่างซุนกวนกับโลซกมีสถานะแตกต่างกัน โลซกอยู่ในฐานะ “ที่ปรึกษา” มีความคิดเป็นของตนเองอย่างแน่วแน่และมั่นคงตั้งแต่ระบุผ่าน “นโยบายบนยี่ภู่” มาแล้ว

แต่ซุนกวนในฐานะ “เจ้าแคว้น” ต้องแบก “ความรับผิดชอบ” มากกว่า

เมื่อน้ำเสียงของ “ที่ปรึกษาทั้งปวง” โดยเฉพาะผู้อาวุโสระดับเตียวเจียวประสานเข้ากับโกะหยง ย่อมทำให้ซุนกวนบังเกิดความลังเล ไม่แน่ใจ

อารมณ์และความรู้สึกของซุนกวนจึงมากด้วยความสับสน ปั่นป่วน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน