“เสถียร จันทิมาธร”

สามก๊ก สำนวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายว่า ขงเบ้งเห็นจิวยี่กับโลซกถุ้งเถียงกันมิได้ตกลงก็นั่งยิ้มฟังอยู่

จิวยี่จึงว่า “ท่านหัวเราะเยาะข้าพเจ้าหรือ”

ขงเบ้งจึงว่า “ซึ่งข้าพเจ้าหัวเราะทั้งนี้มิได้เยาะท่าน กลั้นยิ้มโลซกมิได้เพราะมิได้รู้จักลักษณะผิดแลชอบ มีแต่ปากก็เถียงท่าน”

โลซกจึงว่า “เหตุไฉนท่านจึงหัวเราะเยาะเราว่ามิได้รู้จักลักษณะสิ่งใด”

ขงเบ้งจึงว่า “อันจิวยี่ว่ากล่าวซึ่งจะไปนบนอบต่อโจโฉนั้นเราเห็นด้วย”

โลซกจึงว่า “เหตุใดท่านจึงมาเจรจาดังนี้เล่า”

ขงเบ้งจึงว่า “อันโจโฉนั้นมีปัญญาความคิดสุขุมนัก รู้จัดแจงทหาร ในการสงครามก็ชำนาญกว่าคนทั้งปวง แลอ้วนเสี้ยว อ้วนสุดนั้นมิได้รู้จักกำลังสงครามว่าหนักแลเบา องอาจถือว่าตัวดีต่อสู้โจโฉก็ถึงแก่อันตราย

“เล่าปี่นายเราก็ถือทิฐิมานะ ขืนต่อสู้โจโฉก็ได้ความเดือดร้อนจนพลัดมาอยู่เมืองกังแฮ อันจิวยี่เป็นคนมีความคิดจะผ่อนผันให้ไปคำนับโจโฉ ประสงค์จะรักษาบุตร ภรรยาแลอาณาประชาราษฎร์ให้เป็นสุขนั้นเห็นควรอยู่”

โลซกก็โกรธจึงว่า “ท่านว่าทั้งนี้เหมือนจูงมือเราไปให้คุกเข่าคำนับโจโฉ อ้ายศัตรูแผ่นดิน ควรแล้วหรือ”

สํานวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายว่า บุคคลทั้ง 2 โต้เถียงกันมิได้ลดละ ขงเบ้งเอามืออุดปาก กลั้นหัวเราะ

จิวยี่ถามขงเบ้งว่า “ท่านขบขันอะไร”

ขงเบ้งตอบว่า “ข้าพเจ้ามิได้ขบขันคนอื่นดอก ขบขันแต่ท่านโลซกซึ่งมิได้รู้เหตุการณ์ที่แท้จริงของบ้านเมือง ในทุกวันนี้ ก็ทำไมข้าพเจ้าจะไม่ขบขันเช่นนั้นเล่า ข้าพเจ้าเห็นว่าซึ่งท่านจิวยี่คิดอ่านจะไปสวามิภักดิ์ต่อโจโฉนั้นเป็นการถูกต้องยิ่งนัก”

จิวยี่กล่าวว่า “ท่านขงเบ้งเป็นคนรู้กาล รู้ประมาณ ฉะนั้น จึงย่อมคิดตรงกับข้าพเจ้าเป็นธรรมดา”

ขงเบ้งจึงว่า “เหลือแต่ท่านเล่าปี่คนเดียวที่เป็นคนไม่รู้จักกาล ไม่รู้จักประมาณ ยังพยายามเข้าสู้กับของแข็ง ในที่สุดเลยต้องกระเด็นมาอยู่ที่เมืองกังแฮจะเป็นตายร้ายดี ยังไม่รู้ที่ ฉะนั้น ซึ่งท่านจิวยี่ คิดผ่อนผันยอมสวามิภักดิ์ต่อ โจโฉเพื่อรักษาบุตรภรรยาและทรัพย์สินให้รอดปลอดภัยจึงเป็นการสมควรยิ่งนัก แม้แผ่นดินจะสูญสิ้นไปก็เป็นเรื่องของฟ้าประกาศิตจะบิดผันอย่างไรไม่ได้”

โลซกได้ฟังดังนั้นก็โกรธนัก พูดด้วยเสียงอันดังว่า

“ท่านจะคิดให้นายของข้าพเจ้าไปคุกเข่าให้อ้ายโจโฉ ศัตรูแผ่นดินหยามน้ำหน้า กระนั้นหรือ”

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช เรียบเรียงว่า “หากท่านคิดจะยอมแพ้ ลูกเมียก็ปลอดภัย ยศศักดิ์ก็ยังคงอยู่ ราชบัลลังก์เปลี่ยนแปลงนั้นก็ขึ้นกับฟ้าลิขิต จะไปอาลัยอะไรกันนัก”

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) บรรยายคำพูดของขงเบ้งว่า “ท่านอย่าโกรธเราเลย ซึ่งจะไปคำนับโจโฉนั้นเรามิให้ลำบาก จำเพาะแต่ตัวต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเจียวหรือ ถึงตัวท่านมิไปก็ได้เหมือนกัน ด้วยอุบายอันหนึ่งของเราจะให้เอาแต่คน 2 คน ลงเรือลำหนึ่งไปหาโจโฉ

“โจโฉก็จะพาทหารร้อยหมื่นเลิกทัพกลับไปดอก”

จิวยี่จึงถามว่า “ซึ่งท่านจะให้แต่คน 2 คน ข้ามไปก็อาจจะสามารถให้โจโฉเลิกทัพไปนั้นฉันใด จงว่าให้แจ้งก่อน”

“อุบาย” นี้ของขงเบ้ง “สำคัญ”

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย ระบุว่า “ไม่ต้องลำบากต้องต้อนฝูงแกะและขนสุราไปบรรณาการโจโฉ หรือต้องลำบากในการทำพิธียกดินแดนและมอบตราแผ่นดินให้โจโฉ เราไม่ต้องข้ามน้ำไปด้วยตัวเราเองเพียงแต่ส่งทูตนำคน 2 คน ลงเรือข้ามแม่น้ำไป พอโจโฉได้คน 2 คนนี้แล้ว ทหารนับร้อยหมื่นของโจโฉก็จะถอนเกราะเก็บลง ถอยทัพกลับไปเอง”

จิวยี่ถามว่า “คน 2 คนนี้คือใคร จึงสามารถทำให้โจโฉถอยทัพกลับไปได้”

สำนวน พญ.กัลยา สุพันธุ์วณิช ระบุว่า “เพียงแต่ส่งทูตไปคนหนึ่งนั่งเรือลำน้อยส่งคน 2 คน ข้ามน้ำไป เฉาเชาได้ 2 คนนี้ กองทัพร้อยหมื่นจะถอดเกราะถอยทัพไปจนหมดสิ้น”

โจวอวี่ถามว่า “2 คนนั้นเป็นใครที่จะสามารถถอยทัพเฉาเชาได้”

ไม่เพียงแต่จิวยี่จะอยากรู้ ไม่เพียงแต่โลซกจะอยากรู้ ใครก็ตามที่อ่านยุทธนิยายสามก๊ก ใครก็ตามที่นั่งดูอุปรากรเรื่องสามก๊ก

ล้วนปรารถนาที่จะ “รู้”

นี่คือความสามารถอันยอดเยี่ยมของขงเบ้ง ขณะเดียวกัน นี่คือความสามารถอันยอดเยี่ยมของหลอกวนจง ผู้เรียบเรียงเรื่องราวของสามก๊ก

ตกลง 2 คนนี้เป็นใคร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน