“เสถียร จันทิมาธร”

สามก๊กสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายว่า จิวยี่ลาซุนกวนออกมาครั้นมาถึงบ้านก็ให้หาขงเบ้งมาปรึกษาว่า

“บัดนี้นายเราก็ยอมที่จะต่อสู้ด้วยโจโฉแล้วขอท่านช่วยคิดอุบายที่จะทำการนั้นเถิด”

ขงเบ้งจึงว่า “ซึ่งท่านจะให้เราช่วยคิดการนั้นก็จะเป็นไรมี พอจะช่วยคิดตามสติปัญญาได้บ้าง อยู่แต่ทว่ายังมิวางใจเลยด้วยเห็นอารมณ์นายท่านยังรวนเรนัก”

จิวยี่จึงว่า “ท่านเห็นกระไรจึงว่าดังนี้”

ขงเบ้งจึงว่า “เราเห็นว่านายท่านรู้ข่าวว่าทหารโจโฉมากก็ปรารมภ์อยู่ว่าทหารตัวน้อยกลัวจะสู้มิได้ ขอท่านอย่าเพ่อวุ่นวายก่อน กลับเข้าไปพูดจาเอาเนื้อเอาใจนายท่านอย่าให้สะดุ้งสะเทือน ให้มั่นคงแน่นอนแล้วเราจึงจะได้คิดการสะดวก”

จิวยี่จึงว่า “ท่านว่านี้ชอบแล้ว”

แล้วจิวยี่ก็กลับไปหาซุนกวน

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายต่อว่า ซุนกวนถามว่า “ท่านมาหาข้าพเจ้าค่ำมืดเช่นนี้จะต้องมีธุระสำคัญใดกระมัง”

จิวยี่จึงว่า “พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะลงมือระดมพลแล้วใคร่ขอทราบว่าท่านผู้เป็นนายมีความวิตกกังวลอันใดอยู่บ้างหรือเปล่า”

ซุนกวนตอบว่า “ข้าพเจ้าวิตกกังวลอยู่ก็แต่เพียงว่าทัพโจโฉมีกำลังมาก ฝ่ายเรากำลังน้อยเกรงจะสู้ไม่ได้ ซึ่งวิตกก็เรื่องนี้เท่านั้นเรื่องอื่นไม่มี”

คำตอบจากซุนกวนทั้งสำคัญและทั้งมากด้วยความละเอียดอ่อน

สํานวน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายต่อว่า จิวยี่จึงว่า “นี่แลข้าพเจ้ามาบัดนี้หวังจะชี้แจงให้ท่านเข้าใจ ด้วยโจโฉให้มีหนังสือมาว่ามีทหารถึง 100 หมื่นนั้นความข้อนี้หาจริงไม่

“เป็นกลอุบายล่อลวงดอก

“อันทหารโจโฉนั้นมีอยู่แต่ 15-16 หมื่น ทั้งได้ทหารอ้วนเสี้ยวมาเป็นเชลยด้วย ถึงว่าจะยกมาทำการก็จะวิตกไปไยแก่ทหารอ้วนเสี้ยวอันเป็นคนจำใจคิดแต่จะออกจากโจโฉอยู่ทุกเช้าค่ำแม้จะทำการก็มิเต็มมือ

“อนึ่ง ทหารโจโฉก็มาทางไกลสารพัดจะขัดสน เราอยู่ใกล้เสบียงอาหารก็บริบูรณ์ทุกสิ่งหรือจะสู้มิได้ ถึงจะมากก็เหมือนน้อย ท่านอย่าวิตกเลยข้าพเจ้าจะขอเอาทหารไปแต่ 5 หมื่น จะคิดทำการกำจัดโจโฉเสียให้ได้”

ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ดีใจยกมือลูบหลังจิวยี่แล้วจึงว่า

“ซึ่งท่านชี้แจงให้เราสิ้นสงสัยบุญคุณนักหนา นี่หากว่าได้ท่านช่วยอุปถัมภ์แต่เตียวเจียวหาเป็นที่พึ่งได้ไม่ แต่บัดนี้ไปเรามิได้มีความวิตกแล้วท่านกับเทียเภา โลซก จงเร่งรัดจัดแจงทหารรีบยกไปเถิด ตัวเราจะยกทหารอุดหนุนไปถ้าขัดสนประการใดจงให้คนรีบมาบอกเรา ตัวเราจะเข้าต่อสู้โจโฉเอง”

จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็คำนับแล้วลาออกมา

ที่ว่าการสนทนานี้ “ละเอียดอ่อน” ขอให้สังเกตจากสำนวน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) จิวยี่คิดว่าขงเบ้งนี้พูดจาหลักแหลมนัก ล่วงรู้น้ำใจเราไปก่อนเราอีกเล่า อนึ่ง จะคิดการสิ่งใดก็ดูเหมือนจะข้ามศีรษะเราเสียได้

ครั้นจะนิ่งไว้บัดนี้นานไปก็จะเป็นศัตรูจำจะกัดเสียให้ได้

แล้วให้เราโลซกเข้ามาบอกความลับซึ่งจะคิดฆ่าขงเบ้งเสียให้ฟังทุกประการ

โลซกจึงว่า “ท่านคิดนี้ไม่ชอบ ด้วยโจโฉยกมาจะทำร้ายแก่เรายังกำจัดเสียมิได้ แลเมื่อท่านฆ่าขงเบ้งเสียแล้วการสงครามจะติดพันไปเบื้องหน้า แต่ตัวท่านผู้เดียวหามีผู้จะช่วยคิดอ่านไม่จะมิหนักอกนักหรือ อันขงเบ้งนี้มีสติปัญญาพอจะช่วยท่านได้ อนึ่ง จูกัดกิ๋นพี่ชายก็อยู่ในเมืองกังตั๋งถ้าให้ไปว่ากล่าวชักชวนเอามาไว้ทำราชการด้วยเรา จะมิดีหรือ”

จิวยี่ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย

สำนวน วรรณไว พัธโนทัย บรรยายในจุดที่โลซกทัดทานว่า “เวลานี้เรายังปราบ โจโฉไม่ได้ขืนฆ่าคนสามารถเสียก่อนก็เท่ากับตัดแรงของเราเสียเอง”

จิวยี่จึงว่า “ขงเบ้งช่วยเล่าปี่อยู่ก็จะต้องเป็นภัยต่อกังตั๋งในภายหน้าเป็นแน่แท้”

โลซกตอบว่า “ก็จูกัดกิ๋นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของขงเบ้งทำไมท่านไม่ให้เขาไปชักจูงเอาขงเบ้งมาอยู่ด้วยเรา ทำอย่างนี้มิงามกว่าหรือ”

จิวยี่เห็นด้วย

ท่วงทำนองนี้ของโลซกน่าศึกษาหากมองในทางยุทธวิธี ขณะเดียวกัน ท่วงทำนองนี้ของจิวยี่ก็น่าศึกษาเหมือนกัน

หากมองในทางยุทธศาสตร์

จิวยี่มองข้ามช็อตจนถึงหลังสงคราม ขณะที่โลซกมองเฉพาะหน้าที่กำลังประสบ

สะท้อนให้เห็นว่าโลซกยึดกุมนโยบายแนวร่วม สะท้อนให้เห็นว่าจิวยี่มากด้วยความระมัดระวัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน