“เสถียร จันทิมาธร”
หลังศึกเซ็กเพ็ก ทาง 1 ทัพโจโฉแตกพ่าย ทาง 1 ทัพง่อไล่ติดตามและพยายามขยายผล ในท่ามกลางการต่อสู้นี้เองทัพของเล่าปี่จากการวางแผนของขงเบ้งก็เบียดแทรกเข้ามา
รูปธรรมอันเด่นชัดก็คือ 1 ยึดเมืองลำกุ๋น 1 ยึดเมืองซงหยง
ฝ่ายจิวยี่เห็นขงเบ้งเข้ายึดเมืองลำกุ๋นไว้ก่อน ซ้ำยังได้ข่าวว่าเข้ายึดเมืองซงหยงไว้ได้ อีก อย่างนี้จะไม่ให้จิวยี่แค้นใจอย่างไรได้ ยิ่งแค้นบาดแผลเกาทัณฑ์ก็ยิ่งกำเริบจนกระทั่งหมดสติ พอฟื้นคืนสติก็ระบายโทสะออกมา
“ถ้ากูฆ่าอ้ายขงเบ้งบ้านนอกคนนี้ไม่ได้ก็ไม่มีวันจะกลืนแค้นเสียได้ ขอให้เทียเภาช่วยตีเมืองลำกุ๋นกลับมาไว้กับเมืองง่อให้จงได้”
ขณะกำลังปรึกษากันอยู่โลซกก็เข้ามาจิวยี่จึงพูดกับโลซก
“ข้าพเจ้าจะต้องกำจัดเล่าปี่และขงเบ้ง ยึดเมืองลำกุ๋นคืนมาให้จงได้ ขอท่านโลซกจงช่วยข้าพเจ้าด้วย”
ได้ยินดังนั้นโลซกจึงท้วงขึ้น
“ตอนนี้เรายังไม่ควรทำเช่นนั้นเพราะศึกกับโจโฉยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ นายของเราก็กำลังยกทัพไปตีเมืองหับป๋าอยู่ ถ้าเราเกิดรบพุ่งกันเองอย่างนี้โจโฉฉวยโอกาสยกมาตีเราอันตรายก็จะร้ายแรงยิ่งนัก อันเล่าปี่กับโจโฉนั้นเคยสนิทสนมใกล้ชิดกันมาก่อน
“ถ้าเราบีบเล่าปี่ให้เข้าตาจนเล่าปี่คงจะยกเมืองให้โจโฉ แล้วเข้าร่วมกับโจโฉตีเมืองง่อของเรา”
สะท้อนให้เห็นว่า การศึกกับโจโฉยังไม่เสร็จสิ้น มีความจำเป็นต้องรักษา “แนวร่วม” ระหว่างง่อก๊กกับเล่าปี่เอาไว้
เท่ากับโลซกเปี่ยมด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง
“ขอท่านแม่ทัพจงอดใจรอไว้ก่อน ขอให้ข้าพเจ้าไปหาเล่าปี่ชี้แจงเหตุผลให้เข้าใจ หากไม่สำเร็จจึงค่อยใช้ทหารทำการศึก เวลาคงยังไม่สายเกินไปนักดอก”
นายทหารทั้งปวงกล่าวว่า “ท่านโลซกพูดถูกต้องแล้ว”
นั่นก็คือ ดำเนินยุทธวิธี “การทูต” นำ เมื่อจิวยี่เห็นชอบด้วยโลซกจึงเดินทางไปเมืองลำกุ๋นพร้อมด้วยผู้ติดตาม แต่ปรากฏว่าเล่าปี่อยู่เมืองเกงจิ๋วโลซกจึงไม่เข้าเมืองลำกุ๋นรีบตามไปยังเกงจิ๋วเห็นที่กำแพงเมืองมีธงปักเป็นระเบียบ สังเกตการณ์ป้อง กันเข้มแข็งน่าเกรงขามมาก
โลซกคิดในใจว่า “ขงเบ้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ”
การพบระหว่างโลซกกับเล่าปี่ครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะว่าข้างกายของเล่าปี่ยังมีขงเบ้งซึ่ง โลซกรับรู้มาแต่ต้นว่ามีความลึกซึ้งอย่างไร
เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายกระทำคำนับกันแล้วก็เข้านั่ง ณ ที่อันควร
โลซกดื่มน้ำชาแล้วเอ่ยขึ้น “ซุนกวนนายข้าพเจ้าและท่านจิวยี่แม่ทัพขอให้ข้าพเจ้ามาพูดจาแก่พระปิตุลาว่า เมื่อครั้งโจโฉยกทัพร้อยหมื่นลงมาตีทางใต้นั้นหวังจะกำจัดพระปิตุลา
“แต่เคราะห์ดีที่กองทัพเมืองง่อตีทัพโจโฉแตกพ่ายไปจึงช่วยพระปิตุลาไว้ได้
“พระปิตุลาก็มอบหัวเมืองทั้ง 9 ให้อยู่ในปกครองของเมืองง่อ มาบัดนี้พระปิตุลากลับใช้อุบายยึดเมืองซงหยงไปพร้อมกับเมืองเกงจิ๋ว ทำให้เราเสียทั้งม้าทั้งคนและทรัพย์สินเงินทองไปเปล่าๆ ส่วนพระปิตุลากลับได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวทำอย่างนี้จะชอบธรรมละหรือ”
ขงเบ้งพูดว่า “ตัวท่านเป็นยอดทหารผู้มีสติปัญญาอันล้ำเลิศเหตุไฉนจึงมากล่าวถ้อยร้อยความเช่นนี้ คำโบราณว่าไว้ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายของใครก็ของคนนั้น หัวเมืองทั้ง 9 ของแคว้นเกงจิ๋วไม่เคยเป็นของเมืองง่อเลย แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเป็นของเล่าเปียวทั้งนั้น
“นายข้าพเจ้าเป็นน้องชายของเล่าเปียว มาตรว่าเล่าเปียวจะสิ้นบุญไปแล้วบุตรของเขาก็ยังอยู่ การที่อาจะเอาแคว้นเกงจิ๋วคืนไปให้หลานนั้นมีเหตุผลอันใดหรือที่จะว่าไม่เป็นการชอบธรรม”
โลซกจึงว่า “ถ้าเล่ากี๋บุตรเล่าเปียวผู้เป็นทายาทโดยธรรมเข้าครอบครองบ้านเมืองเหล่านี้แล้วไซร้ข้าพเจ้าก็พอเข้าใจได้ แต่เล่ากี๋อยู่ที่เมืองกังแฮต่างหากไม่ใช่อยู่ที่นี่”
ขงเบ้งถามว่า “ท่านอยากจะพบเล่ากี๋หรือ” แล้วสั่งทหารซ้ายขวาว่า “ไปเชิญเล่ากี๋ ออกมา”
สักครูหนึ่งทหารก็พยุงเล่ากี๋ออกมาจากห้องใน
เท่ากับชี้ชัดว่าทางด้านของเล่าปี่ได้ตระเตรียมเอาไว้แล้วเป็นอย่างดีดังคำกล่าวของขงเบ้ง “ตราบเท่าที่เล่ากี๋ยังมีชีวิตอยู่เราก็ต้องรักษาเมืองนี้ไว้ให้เล่ากี๋ตราบนั้น
“หากเล่ากี๋หาชีวิตไม่แล้วท่านกับข้าพเจ้าจึงค่อยคิดอ่านกันใหม่ต่อไป”
โลซกจึงพูดขึ้น “ถ้าเล่ากี๋หาบุญไม่แล้วขอท่านได้โปรดยกเมืองนี้คืนให้เมืองง่อ”
ขงเบ้งตอบว่า “ท่านพูดถูกต้องแล้ว”
นั่นคือบาทก้าวที่ 2 ภายหลังการบุกยึดลำกุ๋น ซงหยงของเล่าปี่