คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด

“คนวิเศษฯ” เล่าเรื่องขนหัวลุกของผีที่มีในอ่างทองแห่งเดียว

ผมเป็นคนอ่างทอง พูดถึงวัดวาอารามนี่ไม่น้อย หน้าใคร มาจากความเชื่อที่ว่าเศรษฐีที่พ่อแม่หรือลูกเต้าตาย ก็จะสร้างวัดทำบุญให้มาแต่สมัยโบราณแล้ว…วัดถึงได้ครึ่ดไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำน้อยไงล่ะครับ

วัดยิ่งมากเท่าไร ผีก็ยิ่งดุมากเท่านั้น!!

จริงๆ นะครับไม่ได้พูดเล่น เพราะวัดคือที่พักพิงแหล่งสุดท้ายของคนเรานี่นา…ตายแล้วก็ไปวัด ได้พักผ่อนสงบสุขไปตลอดกาล พวกญาติมิตรที่มีความคิดก็จะได้ไม่ประมาท เมื่อนึกว่าวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว…เราต้องถูกเขาหามแห่มาเผามาฝังไว้ที่วัดใดวัดหนึ่งเช่นกัน

มรณสติเอาไว้เป็นดีที่สุด ตัดโลภ โกรธ หลง ได้ดีนักเชียว!

เผลอๆ ยังได้ข้อคิดตามวัดที่เขียนเอาไว้สอนใจและปลอบใจอีกต่างหาก

“พระมีมนต์ คนมีทรัพย์ คนนับถือ”

“ไม่มีใครโชคดีตลอดไป ไม่มีใครโชคร้ายตลอดกาล”

“ยิ่งให้ ยิ่งได้”

“ยิ่งทำความดี ยิ่งเจริญรุ่งเรือง”

โอ๊ย! เยอะแยะครับ จดจำกันไม่หวาดไม่ไหว ใครชอบผมจะคัดลอกคำสอนที่ฟังดูพื้นๆ แต่ถ้าคิดและไตร่ตรองให้ดีจะพบว่ามีความหมายลึกซึ้ง มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสหน้า ใครปฏิบัติตามรับรองว่ามีแต่จะได้ลูกเดียว ไม่มีอะไรเสียหายเด็ดขาด!

เมื่อต้นเดือนเพื่อนชื่ออ๋อจากสุพรรณบุรีมาเยี่ยม พูดคุยกันแต่เรื่องน้ำท่วมสาหัสสากรรจ์ ตอนนี้ใกล้จะหน้าแล้งก็ทำท่าว่าจะแล้งจัดจนต้องขอดน้ำตากินอีกแล้ว…ว่าไปนั่นเลย

เพื่อนแถวบ้านชื่อบินมาร่วมวงด้วย มันขัดว่าอ่างทองมิหนักกว่าหรือ? กรมชลฯ เขาทำท่าไหนไม่รู้ จะระบายน้ำมาก่อนก็เสียดาย จวนตัวเข้าก็ปล่อยน้ำลงมาเหมือนน้ำตก

…ข้ามองดูน้ำมันขึ้นที่บันไดบ้านชั่วโมงละคืบสองคืบ มืออ่อนตีนอ่อน ข้าวของขนหนีไม่ทัน น้ำเจิ่งอยู่หลายเดือน ไร่นาวอดวายหมด แต่นาน่ะปีหน้าก็ทำใหม่ได้แล้ว แต่สวนมะม่วงร้อยกว่าต้นนี่ซีเหลืออยู่แค่ 6 ต้นเพราะเป็นมะม่วงป่า มันทนน้ำเหลือใจ…นอกนั้นน่ะอีกตั้ง 4-5 ปีกว่าจะติดดอกออกช่อ! เจ้าประคุณเอ๋ย…

เจ้าอ๋อคนสองพี่น้องเอียงคอมองยิ้มๆ ถามว่า…คนวิเศษฯ แค่นี้ก็ “พูดเยื้อง” เหมือนกันหรือ?

เจ้าบินมองหน้าผมแล้วยอกย้อนเข้าให้ว่า…เอ๊ะ! คนสองพี่น้องใกล้ๆ บ้านฉันก็ “พูดชวย” หรือ?

สรุปว่า “เยื้อง” ของสุพรรณฯ กับ “ชวย” ของอ่างทอง แปลว่า “เหน่อ” เหมือนๆ กันนั่นแหละครับ…คราวนี้เลยหันมาคุยกันเรื่องภาษาถิ่นเจื้อยแจ้วติดลมบนไปเลย

เจ้าบินช่างเจรจาก็ถามว่าเคยได้ยินคำว่า “เคลน” ไหมเล่า? มาจาก “โคลน” กับ “เลน” รวมกันเรียกว่า “เคลน” สะดวกปากดี หรืออย่างเด็กๆ เล่นล้อต๊อก เสียงมันดังต๊อกๆ ต๋อยๆ มาเรียกว่า “ก๋อย”

ฝนตกปรอยๆ ฝนตกหยิมๆ คนอ่างทองรู้จักอยู่ แต่คนชัยนาทบางอำเภอเขาเรียก “ฝนตกแซะๆ” กับ “ฝนตกแพร็มๆ”

เจ้าบินเห็นหนุ่มสุพรรณฯ ฟังเพลินก็เล่าเรื่อง “ผีกระดุ้ย” ที่มีในจังหวัดอ่างทองแห่งเดียวในเมืองไทยให้เจ้าอ๋อฟัง

เมื่อ 2-3 ผีมาแล้ว มีแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งไปนั่งรอรถที่ร้านกาแฟเพื่อจะเข้าอ่างทอง ลูกสาวเกิดหิวก็สั่งข้าวราดแกงมากิน พอรถมาถึงแม่ก็เร่งให้ลูกสาวกินข้าวเร็วๆ ขืนชักช้าจะตกรถ…

ในที่สุดก็รีบร้อนจนพลัดตกรถลงมาตายคาที่ทั้งสองคน!

วันดีคืนดีก็มีคนเห็นแม่ลูกคู่นั้นมานั่งรอรถตามเคย แต่ส่วนมากมักจำไม่ได้เพราะก้มหน้าก้มตาง่วน ลูกสาวรีบตักข้าวเข้าปาก รถเมล์แล่นฝุ่นตลบมายามบ่ายจัด แม่ก็เร่งลูกยิกๆ ไม่ขาดปาก

“รถมาแล้วอีหนู มึงรีบ “กระดุ้ยๆ” เข้าซีวะ เดี๋ยวจะตกรถ!”

คำว่า “กระดุ้ย” ก็คือเร่งร้อนให้ทำอะไรเร็วๆ นั่นเอง

คนที่ได้ยินเต็มหูรู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ ก็ชักเอะใจ หัวขวับไปมอง เห็นแม่ฉุดมือลูกสาววิ่งไปที่รถกำลังจะเร่งเครื่องแล่นออกไป…หายวับไปกับตา! ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริด…กระดุ้ยกันกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางในบัดดล!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน