“เสถียร จันทิมาธร”
สถานการณ์ระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่อาจสงบลงชั่วคราวหลังจากเล่าปี่ทำหนังสือ “ยืม” เมืองเกงจิ๋วนั่นก็เนื่องจาก 1 โจโฉให้ความสนใจต่อการปราบม้าเฉียวแห่ง เมืองเสเหลียง
1 เล่าปี่เพ่งสายตาไปยังแคว้นเอ๊กจิ๋วแต่ยังไม่ได้ขยับอะไรมากนัก
สถานการณ์เริ่มแปรเปลี่ยนเมื่อโจโฉสามารถยึดเสเหลียงได้ ขณะเดียวกัน ขงเบ้งย้ายออกจากเกงจิ๋วและเข้าไปร่วมส่วนในการยึดเอ๊กจิ๋วหรือเสฉวนจากเล่าเจี้ยง
ความจริงก่อนอำลาจากเกงจิ๋ว ขงเบ้งก็ยังเป็นห่วงทางด้านแคว้นง่อเป็นอย่างมาก
“ข้าพเจ้าจะต้องไปช่วยเจ้านายของเราตอนนี้เจ้านายถูกตรึงอยู่ที่ด่านโปยสิก๋วนขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้” ขงเบ้งแจ้งต่อเหล่าขุนนาง
“ถ้าท่านอาจารย์ไปเสียแล้วใครจะอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋วเล่า เมืองนี้สำคัญนัก”
เมื่อกวนอูตั้งคำถาม ขงเบ้งตอบว่า “เจ้านายมิได้เขียนระบุชัดลงไปแต่ข้าพเจ้ารู้ใจ เจ้านายดี ในจดหมายของเจ้านายมอบภาระการบ้านการเมืองให้แก่ข้าพเจ้า ฉะนั้น ข้าพเจ้าก็จะต้องหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุดมารับภาระจากข้าพเจ้าต่อไป
“ตามจดหมายนี้เห็นได้ว่า เจ้านายปรารถนาจะให้ท่านกวนอูเป็นผู้รับภาระนี้และข้าพเจ้าก็เห็นว่าท่านกวนอูจะต้องรับภาระให้สมกับคำสาบานที่สวนท้อซึ่งให้ไว้ต่อกัน อันที่จริงภาระอันนี้มิใช่เบาเลยขอท่านกวนอูอย่าบ่ายเบี่ยงเสียเป็นอันขาด”
กวนอูไม่ปฏิเสธ ตกลงรับภาระด้วยความเต็มใจ
ขงเบ้งจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้วมอบตราประจำตำแหน่งเจ้าเมืองให้แก่กวนอู กวนอูยื่นมือทั้ง 2 รองรับขงเบ้งยังมิได้วางตราลงในมือกวนอูทันทีแต่พูดว่า
“นับแต่นี้ไปกิจการบ้านเมืองทั้งมวลตกเป็นหน้าที่ของท่านแล้ว”
กวนอูพูดว่า “อันชายชาติทหาร เมื่อรับหน้าที่แล้วก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแม้ตัวจะตายก็ยอม”
ขงเบ้งได้ยินกวนอูพูดคำว่า “ตาย” ก็ใจไม่สบาย เกรงว่าจะเป็นลางร้าย
จึงถามกวนอูว่า “ถ้าหากอ้ายโจโฉยกทัพมาตีเกงจิ๋วท่านจะทำอย่างไร”
กวนอูตอบว่า “ข้าพเจ้าจะสู้มันอย่างเต็มที่”
ขงเบ้งถามอีกว่า “แล้วถ้าหากโจโฉกับซุนกวนยกทัพมาตีพร้อมกันท่านจะทำอย่างไร”
กวนอูตอบว่า “ก็สู้มันทั้งคู่ แยกกำลังออกครึ่งต่อครึ่ง”
ขงเบ้งพูดว่า “ถ้าท่านขืนทำเช่นนั้นเกงจิ๋วจะเป็นอันตรายแน่นอน ข้าพเจ้าขอให้ท่านจำคำ 8 คำนี้ไว้ให้ดีๆ เกงจิ๋วจึงจะรอดปลอดภัย”
คำ 8 คำนั้นก็คือ “เหนือสู้ โจโฉ ออกผูกซุนกวน”
กวนอูว่า “คำของท่านอาจารย์นี้ข้าพเจ้าจะจารึกไว้ในใจตลอดเวลา”
ขงเบ้งจึงวางตราแผ่นดินลงในมือกวนอู
แม้จะมีเรื่องเคืองขุ่นระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่กรณีเมืองเกงจิ๋ว แต่ระหว่างครองเมืองเกงจิ๋วขงเบ้งยึดกุมยุทธศาสตร์ผูกมิตรกับซุนกวนเพื่อต่อกรกับโจโฉอย่างมั่นแน่ว
โลซกเองก็เช่นเดียวกันกับขงเบ้ง
หลังจากโจโฉวางแผนฆ่าม้าเท้งแห่งเสเหลียงแล้วก็ฉวยโอกาสที่จิวยี่เพิ่งจะตายนำกำลังเข้าบุกง่อก๊กคิดขจัดซุนกวน แต่ขณะเดียวกันโจโฉก็ได้ข่าวจากทหารสอดแนมว่าเล่าปี่กำลังฝึกปรือทหารจัดหาอาวุธอย่างเร่งรีบเตรียมจะยกไปตีเมืองเสฉวน
โจโฉก็มองเห็นโอกาสในการที่จะไปชิงเอากังตั๋ง จึงระดมพล 30 หมื่นยกทัพไปตีกังตั๋ง
เห็นเช่นนั้นซุนกวนก็ตื่นตระหนกรีบส่งโลซกไปขอความช่วยเหลือจากเกงจิ๋ว ขงเบ้งจึงเสนอแผนให้เล่าปี่มีหนังสือไปผูกมิตรกับม้าเฉียว บุตรม้าเท้งให้ส่งทหารเข้าด่านตีเอาเมืองเตียงอั๋น ตงกวนทำเอาโจโฉต้องหยุดยั้งการบุกกังตั๋งจำต้องนำทัพหันไปรับมือกับม้าเฉียวทางตะวันตก
ขงเบ้งผ่านการร่วมมือกับกำลังของม้าเฉียวทางเสเหลียงยับยั้งยุทธศาสตร์ลงใต้ของโจโฉไว้ขจัดทั้งอันตรายที่ง่อก๊กกำลังเผชิญอยู่ ในขณะเดียวกันก็ประกันการปฏิบัติตามเข็มมุ่งทางยุทธศาสตร์ที่เล่าปี่จะเข้าบุกเสฉวนด้วย
ทั้งหมดนี้แม้ไม่ตรงกับที่ปรากฏใน “จดหมายเหตุสามก๊ก” แต่ก็เสริมลักษณะแนวร่วมระหว่างเล่าปี่กับซุนกวนได้อย่างเด่นชัด
นี่ย่อมเป็นความสามารถทางด้านปลายพู่กันของหลอกว้านจงในเชิงนิยาย
จุดอันกลายเป็นความแตกหักอีกครั้งหนึ่งระหว่างพันธมิตรซุนกวนเล่าปี่ก็ต่อเมื่อเล่าปี่สามารถยึดเสฉวนได้อย่างเบ็ดเสร็จ
กลายมาเป็นอีกก๊ก 1 นอกเหนือจากวุยก๊ก ง่อก๊ก
สถานการณ์นี้เองที่ลากดึงให้โลซกต้องแสดงบทบาทอีกครั้งหนึ่ง และเท่ากับเป็นผลงานสุดท้ายของโลซก