“เสถียร จันทิมาธร”

แม้ซุนกวนจะสงสัยว่าทั้งหมดล้วนเป็น “อุบาย” จากขงเบ้ง แต่เมื่อจูกัดกิ๋นยืนยัน “น้องชายข้าพเจ้าร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนอยู่หลายพักเล่าปี่จึงยอมคืน 3 เมืองให้ก่อนแต่กวนอูต่างหากดื้อดึงไม่ยอมให้เอง”

ซุนกวนจึงหาทางออก

“เมื่อเล่าปี่ออกปากว่าจะคืน 3 เมืองให้เราแล้ว เราก็จะแต่งขุนนางไปรับมอบเมืองเตียงสา เลงเหลงและฮุยเอี๊ยง ดูซิว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น”

จากนั้นก็ปลดปล่อยครอบครัวจูกัดกิ๋น พลางแต่งขึ้นขุนนางให้ไปกินเมืองทั้ง 3

เพียงเวลาไม่กี่วันขุนนางที่ซุนกวนแต่งตั้งไปกินเมืองทั้ง 3 ก็ถูกไล่กลับมาสิ้น และรายงานซุนกวนว่า

“กวนอูไม่ยอม บอกว่าใครรีรออยู่ช้าจะถูกประหารชีวิต”

ได้ฟังดังนั้นซุนกวนก็โกรธนัก ส่งคนไปเรียกโลซกมาต่อว่าว่า “แต่ก่อนท่านเป็นนายประกันให้เล่าปี่ยืมเมืองเกงจิ๋ว บัดนี้เล่าปี่ได้เมืองเสฉวนแล้วก็ยังไม่ยอมคืนเกงจิ๋วให้เรา ไฉนท่านจึงนิ่งเฉยดูดายเช่นนี้เล่า”

โลซกตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดอุบายได้แล้วกำลังจะมาบอกท่านอยู่ทีเดียว

“เรามีค่ายอยู่ ณ ปากน้ำลกเค้าเราแต่งคนไปเชิญกวนอูมากินเลี้ยง ถ้ากวนอูยอมมาข้าพเจ้าจะพูดจาเกลี้ยกล่อมเขาแต่โดยดี ถ้ากวนอูไม่ยอมเราก็ให้มือมีดมือขวาน ของเราเข้าจัดการสังหาร แต่ถ้าหากกวนอูไม่ยอมมารับเลี้ยง

“เราจะยกทัพไปตีให้รู้แพ้รู้ชนะยึดเอาแคว้นเกงจิ๋วคืนให้จงได้”

ข้อเสนอของโลซกถูกใจซุนกวนยิ่งนัก แม้งำเต๊กจะเตือน “กวนอูเป็นยอดทหารเสือแห่งยุคเราจะทำวู่วามไปไม่ได้เป็นอันขาด แม้นมิสมความคิดจะต้องแพ้ภัยตัวเองอย่างแน่”

ซุนกวนได้ฟังก็โกรธ “ถ้าเราขืนฟังท่านเมื่อไรจะได้แคว้นเกงจิ๋วกลับคืนมา เสียทีเล่า”

แล้วสั่งให้โลซกดำเนินการ

โลซกจึงลาซุนกวนยกพลไปยังปากน้ำลกเค้าแล้วเรียกลิบองกับกำเหลงมาปรึกษา เตรียมจัดการเลี้ยงขึ้นที่ศาลาหลินเจียงถิงซึ่งอยู่นอกค่าย

เมื่อเตรียมการเสร็จก็ออกหนังสือเชิญกวนอูให้ทูตถือข้ามน้ำไปเกงจิ๋ว

กวนอูเมื่อได้รับหนังสือก็บอกกับทูตผู้ถือหนังสือว่า “เมื่อเป็น การเชิญของท่านโลซกข้าพเจ้าก็จะไปในงานเลี้ยงพรุ่งนี้”

เมื่อทูตลากลับไปกวนเป๋งตั้งข้อสังเกตว่า

“ซึ่งโลซกจัดงานเลี้ยงขึ้นนี้คงมีเจตนาไม่ดีแฝงอยู่เป็นแน่ ไฉนท่านพ่อจึงรับปากว่าจะไปในงานเลี้ยงนี้ด้วยเล่า”

กวนอูได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ

เป็นการหัวเราะอย่างรู้เท่าทัน “ทำไมเราจะไม่รู้ เหตุด้วยจูกัดกิ๋นกลับไปรายงานซุนกวนว่าเราไม่ยอมคืน 3 หัวเมืองให้ซุนกวนจึงให้โลซกมาตั้งทัพที่ปากน้ำลกเค้าแล้วเชิญเราไปกินเลี้ยง

“หวังจะยึดเมืองเกงจิ๋วคืน

“ถ้าหากเราไม่ไปคนทั้งปวงก็จะหมิ่นว่าเราขี้ขลาด พรุ่งนี้เราจะเอาทหารแต่เพียง 20 คนลงเรือลำเล็กๆ มีกระบี่ด้ามเดียวเคียนพุงไปกินโต๊ะกับเขา ดูทีหรือว่าโลซกจะทำอะไรเรา”

กวนเป๋งทัดทานว่า “ร่างกายของท่านพ่อมีค่าดังทองคำนับหมื่นแสนไฉนจะล่วงเข้าไปในดงเสือและหมาป่าลำพังตัวเดียวเช่นนี้ ข้าพเจ้าเกรงว่าจะเสียการสำคัญที่ท่านลุงมอบหมายให้แก่ท่านพ่อ”

กวนอูพูดว่า “สมัยโบราณครั้งแผ่นดินแตกออกเป็นหลายก๊ก หลินเซียงหยู ชาวเมืองจ้าว มีสติปัญญาความสามารถดุจดั่งกำลังไก่เท่านั้นแต่ยังกล้าไปในงานเลี้ยงที่เสิงฉือ ข่มขวัญพวกขุนนางเมืองจิ๋นได้อย่างทระนง แล้วจะมาเทียบกับข้าพเจ้าซึ่งผ่านการสงครามมานับหมื่นครั้งแล้วได้อย่างไร เมื่อข้าพเจ้าได้รับปากแล้วก็จะเสียคำพูดมิได้”

ม้าเลี้ยงจึงว่า “หากท่านจะไปจริงๆ ก็ต้องเตรียมการให้พร้อม”

กวนอูพูดว่า “จงให้ลูกชายข้าพเจ้าจัดเรือเร็ว 10 ลำ ซุ่มทหารชำนาญเรือไว้ 500 คนให้ไปคอยทีอยู่ริมฝั่งน้ำ ถ้าเห็นธงของเราชักขึ้นจงเร่งข้ามน้ำไปช่วย”

กวนเป๋งรับคำแล้วก็ไปเตรียมการโดยพลัน

การเตรียมการครั้งนี้ฝ่ายของแคว้นง่อ มีโลซก มีลิบอง มีกำเหลง ฝ่ายของแคว้นจก มีกวนอู มีกวนเป๋ง เรียกได้ว่าเป็นการพร้อมรบทั้ง 2 ฝ่าย

สะท้อนให้เห็นว่าง่อก๊กเอาจริง จกก๊กก็เอาจริง

นี่เป็นการวางแผนทางการทหารที่มีความแจ่มชัดอย่างเห็นเป็นรูปธรรมจากโลซก ซึ่งจะต่อกรกับกวนอู ณ ปากน้ำลกเค้า ทุกอย่างยังรวมศูนย์อยู่ที่การทวงคืนและความพยายามที่จะรักษาเมืองเกงจิ๋วเอาไว้

ความล้ำลึกของโลซกกำลังปะทะกับความเหิมหาญของกวนอู

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน