“เสถียร จันทิมาธร”

ไม่ว่าขงเบ้งก่อนจะ “ยืม” เกงจิ๋ว ไม่ว่ากวนอูเมื่อประสบเข้ากับจูกัดกิ๋น ไม่ว่ากวนอูเมื่อประสบเข้ากับโลซกในประเด็นว่าด้วยเกงจิ๋ว

ล้วนไม่สามารถอธิบายได้อย่างองอาจ

ส่วนใหญ่อ้างเหตุผลว่าแผ่นดินเป็นของคนแซ่เล่า โดยเริ่มจากพระเจ้าฮั่นโกโจ ปฐมบรมฮ่องเต้ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า “เล่าปัง” หรือ “หลิวปัง”

“ท่านผู้เป็นนายของข้าพเจ้าเป็นทายาทของขงซานจิ้งอ๋อง เป็นหลานของพระเจ้าเฮ้าเก็งเต้ และเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบัน ขนาดพระบรมวงศ์ชั้นนี้จะไม่มีสิทธิ์มีส่วนได้ครองแผ่นดินบ้างเลยเชียวหรือ”

คล้ายกับจะยกให้เป็นเรื่องของ “มรดก”

“นอกจากนั้นในการรบที่เซ็กเพ็กนายข้าพเจ้าก็ทุ่มเทกำลังเข้ารบอย่างสุดชีวิตใช่ว่าทหารเมืองง่อฝ่ายเดียวเมื่อไหร่ที่รบชนะข้าศึก”

อาจมีน้ำหนักเมื่ออ่านยุทธนิยายจากปลายพู่กันของหลอกว้านตง

แต่ประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงก็จดจารจารึกว่า แท้จริงแล้วทุกอย่างล้วนมาจากการทุ่มกำลังสติปัญญาจากง่อก๊กโดยเฉพาะการวางแผนในทางยุทธศาสตร์ของแม่ทัพ จิวยี่อย่างเป็นด้านหลัก จึงส่งผลให้โจโฉต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

และเมื่อทางฝ่ายง่อก๊กเสนอ “ประเด็น” เข้ามา ทางฝ่ายจกก๊กกลับมากด้วยอารมณ์

แม้กระทั่งขงเบ้งซึ่งมากด้วยสติปัญญาเมื่อเข้าตาจนเข้าจริงๆ ก็เอาสีข้างเข้าถู อธิบายถึงการนิ่งเงียบของเล่าปี่อย่างหะรูหะรา

ประหนึ่งว่าเล่าปี่เป็น “ผู้ดี” มากกว่าที่จะเปลืองตัว

“นายของข้าพเจ้าไม่ได้ตอบท่านในเรื่องนี้ก็เพราะคิดว่าท่านเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตคงจะหยั่งรู้เหตุผลต้นปลายโดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าพเจ้าเองก็เชื่อว่าท่านจะต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหลายดี”

ฝ่ายของโลซก ฝ่ายของจูกัดกิ๋นเข้าใจเรื่องทั้งหมดดีอย่างแน่นอน

“เมื่อครั้งพระปิตุลาเล่าปี่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ ณ เมืองซงหยงนั้นข้าพเจ้าเป็นผู้พาท่านข้ามแม่น้ำมาหานายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นคน คัดค้านจิวยี่ไม่ให้มาตี เกงจิ๋๋วข้าพเจ้าบอกว่า พระปิตุลาเล่าปี่รับปากว่าเมื่อสิ้นบุญท่านเล่ากี๋แล้วจะยกเกงจิ๋๋วให้เป็นของเรา

“ข้าพเจ้ายืนยันมั่นคงเช่นนี้ แล้วข้าพเจ้ากลับไปบอกเจ้านายข้าพเจ้าว่าท่านตระบัดสัตย์เสียแล้ว กระนั้นหรือ

ถึงข้าพเจ้าจะตายก็ไม่ได้เสียดายชีวิตดอก แต่ข้าพเจ้าเกรงว่านายข้าพเจ้าจะต้องโกรธแค้นมากและจะต้องทำศึกกับพระปิตุลา พระปิตุลาก็จะไปหาที่พึ่งอื่นใดอีกไม่ได้และจะเป็นที่เย้ยไยไพของคนทั้งโลกอย่างแน่นอน”

แม้จะเห็นในความฉ้อฉลของเล่าปี่อย่างไร แต่โลซกก็ยังประเมินว่าเล่าปี่เป็นพันธมิตรอยู่

ยิ่งหากดูจากกรณีการออกอุบายของขงเบ้ง เล่าปี่ที่ว่าจะคืน 3 เมือง 1 เตียงสา 1 เลงเหลง 1 ฮุยเอี๋ยน แทนที่จะเป็นเกงจิ๋ว ยิ่งสะท้อนถึง “การศึกมิหน่ายเล่ห์” อันมาจากจกก๊ก

โดยมอบความรับผิดชอบให้กับกวนอู

เมื่อทุกอย่างตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของกวนอูจึงแทนที่จะเป็นเรื่องของเหตุผล เรื่องของความสัตย์ กลับกลายเป็นเรื่องของอารมณ์

เป็นเรื่องของ “หน้าเหล้าหน้าข้าว” ไม่ควรเอาเรื่อง “การบ้านการเมือง” มาพูด

ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าหากพูดกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล พูดกันอย่างอ้างอิงหลักการยากเป็นอย่างยิ่งที่จกก๊กจะสามารถแสดงเหตุได้เหมาะสมและเหนือกว่าง่อก๊กได้

น่าเสียดายที่ยุทธนิยายสามก๊กเอนเอียงอย่างเด่นชัด

เอนเอียงกระทั่งกระบวนท่าและลีลาของโลซกถูกมองและประเมินว่าเป็นความอ่อนหัด เสียรู้และถูกขงเบ้งหลอก กวนอูข่มขู่ โดยมองข้ามเจตจำนงของโลซกที่ยึดมั่นในหลักการพันธมิตรในแนวร่วมระหว่างง่อก๊ก จกก๊กอย่างมั่นแน่ว

ความเป็นสุภาพบุรุษของโลซกนั้นเองที่ถูกฉวยโอกาส

หากนำเอาการเคลื่อนไหวของวุยก๊กผ่านโจโฉ หากนำเอาข้อทัดทานของ โปหั้น ที่ปรึกษาโจโฉ มาพิจารณาในรายละเอียด

ก็จะประจักษ์ในความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ของสามก๊ก

โจโฉเองก็ยังมีรอยแค้นจากความพ่ายแพ้ในศึกผาแดง ขณะเดียวกัน ก็มากด้วยความหวาดระแวงต่อการขยายตัวของจกก๊กอย่างแทบไม่วางตา

กระนั้น ยุทธศาสตร์หลงจ้ง ยุทธศาสตร์กังตั๋งก็แสดงผลในกาลต่อมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน