เยือน‘บูเอโนสไอเรส’ปารีสแห่งอเมริกาใต้
โดย กิติศักดิ์ เจ้าดารี
เยือน‘บูเอโนสไอเรส’ปารีสแห่งอเมริกาใต้ – ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับมหกรรมการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 3 “บูเอโนสไอเรสเกมส์ 2018” ที่กรุงบูเอโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา รับหน้าที่จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 6-18 ต.ค.ที่ผ่านมา
การที่กรุงบูเอโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าถิ่นจัดการแข่งขัน ถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้สื่อข่าว สายกีฬาจากแดนสยามที่ได้โอกาสไปเยือนถิ่นกำเนิดของ “เสือเตี้ย”ดิเอโก้ มาราโดน่า แข้งระดับตำนานของโลกสักครั้งในชีวิต
การไปเยือนทวีปอเมริกาใต้นั้นคงไม่ง่าย เนื่องจากต้องฝ่าด่านหินในการเดินทางเกือบ 30 ชั่วโมง ระยะทางกว่า 17,000 กิโลเมตร
จากสนามบินสุวรรณภูมิ เดินทาง 6-7 ชั่วโมง เป้าหมายคือ ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ก่อนจะรอต่อเครื่องอีก 18-19 ชั่วโมง ไปยังประเทศบราซิล เพื่อพักเครื่องอีกครึ่งหนึ่ง และบินต่อ 2-3 ชั่วโมงไปยังสนามบินนานาชาติ มินิสโตร ปิสตารินี (EZE) กรุงบูเอโนสไอเรส เรียกว่าใช้ชีวิตหนึ่งวันเศษๆ บนอากาศก็ว่าได้
บูเอโนสไอเรส เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา และเป็นเมืองท่าของประเทศอาร์เจนตินา ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ตรงข้ามกับเมืองโกโลเนียเดลซากราเมนโต ประเทศ อุรุกวัย
เนื่องจากได้รับวัฒนธรรมยุโรปมาอย่างเข้มข้น บางครั้ง บูเอโนสไอเรสจึงถูกเรียกว่า “ปารีสใต้” หรือ “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” เป็นเมืองสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา โดยมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่มีสีสันและเสน่ห์น่าหลงใหล บ้านเรือนที่มีชีวิตชีวา อาหารเลิศรส และยังเป็นต้นกำเนิดการเต้นจังหวะแทงโก้ด้วย
นอกจากนี้ กรุงบูเอโนสไอเรส มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากมาย ทว่าภารกิจหลักครั้งนี้คือยูธโอลิมปิก ดังนั้นสถานที่ ท่องเที่ยวที่เราจะไปในครั้งนี้คงไม่ไกลจากสนามแข่งขันมากนักเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ยูธโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เจ้าภาพจัดพิธีเปิดขึ้นที่ อเวนิดา 9 เดอ ฮูลิโอ หรือถนน 9 กรกฎาคม (ตั้งตามวันประกาศอิสรภาพของประเทศเมื่อปี 1816) ซึ่งย่านธุรกิจของบูเอโนสไอเรส ที่มีความกว้างมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก กะด้วยสายตาแล้วคิดถึงถนนที่เนปิดอว์ ประเทศเมียนมา ซึ่งเคยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ก็คงจะสูสีกันทีเดียว
กึ่งกลางของถนน ถูกแบ่งด้วยอนุสาวรีย์ เดอะ โอเบริสก์ แลนด์มาร์กของประเทศ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่จัดพิธีเปิดยูธโอลิมปิก มีนักกีฬา และผู้ชมเข้าร่วมพิธีมากกว่า 200,000 คนทีเดียว
ติดกันเป็นย่านช็อปปิ้ง ฟลอริดา สตรีต ขนาดยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตร จะสเต๊ก, อาหารพื้นเมือง, เบอร์เกอร์ ที่บางร้านมีขนาดใหญ่มาก ฯลฯ หากจะเดินให้ครบคงใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง หากจะขึ้นห้างก็มี กาเลเรียส แปซิฟิโก ห้างหรู แบรนด์เนมไว้รอขาช็อป
เดินต่อไปอีกราว 20 นาทีที่เล่นเอาเมื่อยขาพอตัว จะมี ฟลอราลิส เจเนริกา
จากอเวนิดา 9 เดอ ฮูลิโอ เดินทางประมาณ 20 นาที เพื่อไปชม Floralis Generica (ดอกไม้สีเงิน) ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัย บูเอโนสไอเรส สร้างโดยเอดูอาร์โด คาตายาโน่ สถาปนิกชื่อดังผ่านปรัชญาเก๋ๆ ที่ว่า ดอกไม้เปรียบเสมือนความหวัง ที่แม้จะหุบลงเมื่อไร้แสงอาทิตย์ แต่จะเกิดใหม่อีกครั้งเมื่อรับแสง
แต่ตอนนี้เกิดใหม่อย่างเดียวเพราะฟังก์ชัน บานและหุบตามแสงอาทิตย์ ถูกตัดออกไปแล้วตั้งแต่ปี 2010 เพราะกลัวจะพังไปเสียก่อน
ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ ที่นักท่องเที่ยวและชาวเมืองนิยมมาพักผ่อนถ่ายรูปกับดอกไม้เหล็กสีเงินขนาดยักษ์
ติดกันคั่นเพียงถนน เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ โดยมีถนนขนาบ 2 ฝั่ง มีผู้คนออกมาปั่นจักรยาน วิ่ง และนั่งพักผ่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวเมืองนิยมนำสุนัขออกมาวิ่งออกกำลังกายตลอดทั้งวัน
เมื่อสำรวจ และแวะถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กแล้ว ก็ถึงเวลาชีวิตติดลูกหนังซึ่งหล่อเลี้ยงคนอาร์เจนตินาที่ว่าบ้าบอลไม่แพ้ชาติใดในโลก
จากกลางเมืองขึ้นเหนือไป 35 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าไปหาสนามกีฬาอนุสาวรีย์ริเบร์เปลต ที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลกลุบ อัตเลติโก ริเบร์เปลต หรือบ้านเราเรียก ริเวอร์เพลต สโมสรเก่าแก่ของประเทศ และเป็นสนามเหย้าของสโมสรริเวอร์เพลต เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่อันดับที่ 1 ของเมือง
ด้านข้างสนามถูกจัดให้เป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกสโมสร อาทิ เสื้อ ผ้าพันคอ หมวก พวงกุญแจ เป็นต้น ภายในมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชม รวมถึงมีการขายตั๋วเข้าชมภายในสนามทุกวัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 250-400 เปโซอาร์เจนตินา
ฝั่งนี้ถือเป็นสโมสรฟุตบอลของคนมีฐานะ และดูหรูหรากว่า
ไฮไลต์สำคัญคือการเดินทางไปบ้านของ ดิเอโก้ มาราโดน่า จากกลางเมืองลงใต้ไป 7-10 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของสนาม ลา บอมโบเนร่า (La Bombonera) รังเหย้าของสโมสรฟุตบอล โบคา จูเนียร์ส อริตลอดกาลของริเวอร์เพลต ซึ่งเป็นสโมสร ปลุกปั้น ดิเอโก้ มาราโดน่า จนกลายเป็นตำนานถึงปัจจุบัน
แต่ที่ต่างออกไป ด้านหน้าสนามแห่งนี้ เป็นย่านช็อปปิ้งซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่คนนิยมไปเดินเลือกซื้อของฝาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของที่ระลึกของสโมสรแห่งนี้นั่นเอง
ซึ่งที่นี้ ดิเอโก้ มาราโดน่า เปรียบเสมือนเทพเจ้า ถือเป็น นักฟุตบอลระดับตำนานของโลกที่ชาวอาร์เจนตินาศรัทธามากที่สุดในประวัติศาสตร์
จะเห็นได้จากไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนของประเทศ ก็จะเห็นรูป ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ปรากฏอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ แก้ว โปสเตอร์ แก้วน้ำ พวงกุญแจ หรือแม้กระทั่งบนเคสมือถือ
ที่กล่าวมาทั้งหมดยังดูธรรมดาไป เมื่อมีการวาดภาพของ ดิเอโก้ มาราโดน่า บนผนังกำแพงขนาดใหญ่ ซึ่งเห็นได้ไม่ ยากนัก
แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี ดิเอโก้ มาราโดน่า ยังคงเป็นเทพเจ้า ของชาวอาร์เจนตินา เมื่อเทียบกับอิโลเนล เมสซี่ แล้วยังถือเป็น นักฟุตบอลชื่อดังธรรมดา