ม่อนผาดำ-ม่อนอังเกตุ – เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะดอยสุเทพหากใครเดินทางไปกราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ

ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร แนะนำแวะชม “ม่อนผาดำ” หรือที่เรียกกันว่า จุดชมวิวผาดำ ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ทุกวัน หลังจากกราบไหว้สักการะพระธาตุ ดอยสุเทพแล้ว เดินทางต่ออีก 5 กิโลเมตร

จะมาถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ หาที่จอดได้หรือขับลงไปจอดด้านล่างเลย เพราะอยู่ใกล้จุดชมวิว โดยจะผ่านศูนย์จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง บ้านภูพิงค์หน้าตำหนักเข้าไปเพียงนิดเดียว

ย้ำว่าให้เดินลงไปให้สุดจะเป็นจุดชมวิว เพราะหากดูผิวเผินเหมือนเป็นแค่ลานจอดรถธรรมดา

ม่อนผาดำ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นภูเขาที่เป็นหน้าผาขนาดใหญ่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,250 เมตร หรือมีความสูงราวครึ่งหนึ่งของดอยอินทนนท์

เป็นประติมากรรมของธรรมชาติที่มีความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง

ที่นี่อุดมไปด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิดโดยเฉพาะต้นสนสามใบที่ขึ้นสูงมาก มีอากาศหนาวเย็นเพราะเป็นป่าดิบชื้น

ถือเป็นจุดชมวิวอันซีนไทยแลนด์อีกแห่งหนึ่ง ยามเช้าแสงแรกของวันใหม่มีทะเลหมอกลอยสลับกับเทือกเขาที่อยู่ด้านล่าง จะมองเห็นความสวยงามของวัดพระธาตุดอยคำ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ แม้กระทั่งพระธาตุวัดบ้านปง อ.หางดง หรือจะชมวิวดอยของตัวอ.สะเมิง ก็มองเห็นได้ชัดเจน

หากมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถึงจะห่างเกือบ 100 กิโลเมตร แต่หากท้องฟ้าเปิดจะมองเห็นยอดดอยอินทนนท์ ตั้งตระหง่านสูง สลับกับกลุ่มเมฆลอยปกคลุม ดูแล้วเหมือน มองภูเขาฟูจิของประเทศญี่ปุ่น

ยามเย็นในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินให้ทอดสายตามอง พระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบเขาลงไป แสงสีทองเหลืองอร่ามสะท้อนก้อนเมฆ บดบังด้วยต้นสนสามใบ จะสวยงามมาก

ช่วงเย็นม่อนผาดำจะมีฝูงผีเสื้อยักษ์บินมาเกาะดอกไม้เพื่อกินเกสรดอกไม้ให้ได้ชมและถ่ายภาพกันอย่างตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว ในช่วงค่ำหากฟ้าเปิดสดใสแล้วจะมองเห็นแสงไฟจากยอด พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ ที่ส่องสว่างจากยอดดอยมาให้ได้เห็นจากจุดชมวิวนี้

เรียกได้ว่าได้เที่ยวดอยสุเทพ กราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ ชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วยังได้เห็นวิวสวยๆ จากม่อนผาดำอีกด้วย

อีกสถานที่ออกนอกตัวเมืองไปเกือบ 100 กิโลเมตร แต่ไป ถึงแล้วรับรองไม่ผิดหวัง นั่นคือ “ดอยม่อนอังเกตุ” อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม บ้านปางขุม หมู่ที่ 1 ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

เป็นยอดเขาสูงเสียดฟ้าของสะเมิง ที่มีความสูง 1,840 เมตรจากระดับน้ำทะเล

บนจุดสูงสุดของยอดดอยม่อนอังเกตุสามารถชมวิวรอบยอดดอยได้ 360 องศา ครอบคลุมพื้นที่ อ.แม่แจ่ม อ.แม่แตง อ่างเก็บน้ำห้วยผาจ้อ ห้วยน้ำดัง ดอยหลวงเชียงดาว และดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

มองลงมาจากยอดดอยยังเห็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ และเผ่ากะเหรี่ยง ผืนป่าฝั่ง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

ที่สำคัญที่ม่อนอังเกตุจะมีทะเลหมอกให้ชมท่ามกลางทิวสนในยามเช้าช่วงฤดูหนาว ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงาม

สำหรับดอยม่อนอังเกตุมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ว่ามีแม่นาง ท่านหนึ่งนามว่า “อังเกตุ” เป็นหญิงชั้นสูงในวัง มีพระบิดาเป็น “พ่อพญา” ที่มีนิสัยชอบทำลายต่อหลวง หรือ “พญาต่อ” จึงเป็นศัตรูกันมาตลอด

พอต่อหลวงรู้ว่าพ่อพญารักแม่นางอังเกตุลูกสาวคนนี้มาก จึงคิดอุบายคาบแม่นางออกจากวังนำมาทิ้งไว้ที่ม่อนแห่งนี้ พ่อพญาออกตามหาจนเจอหมายจะรับลูกสาวกลับเวียงวัง แต่แม่นางไม่ยอมกลับ นางอังเกตุบอกว่าจะขออยู่ใช้กรรมให้ หมดสิ้นบนนี้

พ่อพญาจึงจัดส่งช้าง เสือ แม่นม และองครักษ์คู่ใจมาดูแล สุดท้ายแม่นางกำชับว่าหากสิ้นบุญแล้วก็ให้ฝังร่างของนางไว้ที่นี่ เมื่อถึงคราวสิ้นบุญร่างของแม่นางจึงถูกฝังไว้บนม่อนแห่งนี้ตามปรารถนา

ชาวบ้านจึงได้นำชื่อของแม่นางอังเกตุมาตั้งเป็นชื่อม่อน นามว่า “ม่อนอังเกตุ” พร้อมกันนั้นได้สร้างศาลเจ้าแม่อังเกตุไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตราบจนกระทั่งปัจจุบัน และหากท่านใดมาขอพรที่ศาลมักสัมฤทธิผล

ส่วนการเดินทางไปยอดดอยม่อนอังเกตุ ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามถนนหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ประมาณ 37 กิโลเมตร ถึงตลาดแม่มาลัยให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 ประมาณ 30 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม

จากนั้นจะเป็นเส้นทางเข้าหมู่บ้าน มีถนนที่พัฒนากว้างขึ้นแล้ว แต่บางช่วง ยังมีถนนลูกรัง บางช่วงลาดชันไปจนถึงดอยม่อนอังเกตุ รวมระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร

ก่อนถึงยอดดอยยังมีพื้นที่ป่าสนให้นอนกางเต็นท์ ชมดาวบนดินในช่วงกลางคืน และมีห้องน้ำบริการนักท่องเที่ยวด้วย

จุดกางเต็นท์อยู่ใกล้บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำ (ดงสน) อยู่ห่างจากยอดดอยม่อนอังเกตุประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งลาน กางเต็นท์แห่งนี้มีความงดงาม ร่มรื่นของป่าสนอายุหลายสิบปี นักท่องเที่ยวทุกท่านหาจุดกางเต็นท์ได้ตามชอบ

แนะนำนักท่องเที่ยวหากขึ้นไปกางเต็นท์ขอให้นำผ้าใบไปทำหลังคาในการทำกิจกรรมต่างๆ ด้วย เพราะยอดดอยแห่งนี้เมื่อเกิดเมฆลอยมาจะมีเม็ดฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ

ในช่วงการเดินทางขึ้นดอยม่อนอังเกตุ สองข้างทางจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในการประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากฤดูทำนา เก็บเกี่ยวข้าวแล้วจะมีการปลูกหอม กระเทียม และพืชผักผลไม้อื่นๆ

ที่ขึ้นชื่อคือ สวนสตรอว์เบอร์รี่ ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันมากและส่งขายทั่วประเทศด้วย

ความสวยงามตามธรรมชาติของ “ดอยผาดำ” และ “ดอยม่อนอังเกตุ” จึงถือเป็นจุดชมวิวอันซีนไทยแลนด์ที่นักท่องเที่ยวอย่าพลาดไปชมกัน

วิชัย ทาเปรียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน